"ยื่นภาษี 2567"ทางออนไลน์ ด้วยตนเองง่ายๆ สรุปขั้นตอนที่นี่

ยื่นภาษีออนไลน์ 2567 สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2566 กรมสรรพากร ระบุผู้มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีดังนี้

ยื่นแบบ ภ.ง.ด. 91 : สำหรับผู้มีรายได้เป็นเงินเดือน โดยไม่มีรายได้เสริม เช่น พนักงานบริษัทที่รับเงินเดือนเพียงอย่างเดียว 

คนโสด  :  มีรายได้เป็นเงินเดือนตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี 
ผู้ที่สมรส :  มีรายได้เป็นเงินเดือนตั้งแต่ 18,333 บาทต่อเดือน หรือ 220,000 บาทต่อปี

ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 : ผู้มีรายได้อื่น ๆ นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับ 

คนโสด  :  มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน ตั้งแต่ 5,000 บาทต่อเดือน หรือ 60,000 บาทต่อปี 
ผู้ที่สมรส :  มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน ตั้งแต่ 10,000 บาทต่อเดือน หรือ 120,000 บาทต่อปี 

ยื่นภาษีออนไลน์ ได้ถึงเมื่อไร

กรมสรรพกร เปิดให้ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดา ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/ภ.ง.ด.91 เพื่อชำระภาษีปีภาษี 2566 โดยกรณียื่นภาษีแบบเอกสารหรือกระดาษ ได้ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 มีนาคม 2567 และกรณีที่ยื่นผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือ E-Filling  ได้ถึง 8 เมษายน 2567
 

เอกสารที่ต้องเตรียมในการยื่นภาษี

1.หนังสือรับรองเงินเดือน (50 ทวิ) จากนายจ้าง ซึ่งในเอกสาร 50 ทวิจะบอกว่าในรอบปีนั้นเรามีรายได้รวมเท่าไหร่  ยอดเงินสมทบประกันสังคม และเงินนำส่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น 

2.เอกสารที่ใช้ลดหย่อนตัวเองและลดหย่อนภาษีต่างๆ เช่น บิดามารดาอายุ 60 ปีขึ้นไปและรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ให้ใช้เลขบัตรประชาชนบิดามารดา, ใบเสร็จเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ/สะสมทรัพย์, กองทุน RMF, กองทุน SSF, กองทุน TESG และเงินบริจาคต่างๆ

เช็ควิธียื่นภาษีออนไลน์ 2567 ด้วยตนเอง ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 : เข้าเว็บไซต์ของกรมสรรพากร   https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ และเลือก "ยื่นแบบออนไลน์" 

• กด"ยื่นแบบออนไลน์"
• ทำการ“เข้าสู่ระบบ”ด้วยเลขบัตรประชาชน หากเป็นการยื่นครั้งแรกให้กด“สมัครสมาชิก” แล้วทำตามขั้นตอน
• ยันตัวตนด้วยรหัส OTP ผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ 
• กดยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90/91

 

ขั้นตอนที่ 2 : ดึงข้อมูล"ค่าลดหย่อน"อัตโนมัติ

• กรอกข้อมูลรหัสหลังบัตรประชาชน แล้วกด “ตรวจสอบข้อมูล”
• ระบบจะแสดงข้อมูลค่าลดหย่อนต่างๆ ให้อัตโนมัติ จากนั้นกด “ตรวจสอบข้อมูลสำหรับยื่นแบบ”
• เลือกข้อมูลที่จะใช้ในการยื่นภาษี จากนั้นกด"เริ่มยื่นแบบ"

ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว และใส่สถานะ

ระบบจะแสดงข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ของเรา ทั้งเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร, ชื่อ-นามสกุล, วันเดือนปีเกิด, สถานที่ติดต่อ, ร้านค้า/กิจการส่วนตัว (ถ้ามี) ให้เราทำการตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นให้ระบุ “สถานะ” โสด / สมรส / หม้าย

 

ขั้นตอนที่ 4 :  ระบุข้อมูลตามแหล่งที่มาของรายได้

ระบบจะแสดงหน้ารายได้ต่างๆ โดยแยกตามแหล่งที่มาของรายได้ เช่น รายได้จากเงินเดือน, รายได้จากฟรีแลนซ์, รายได้จากทรัพย์สิน, รายได้จากการลงทุน และรายได้จากมรดก หากเป็นพนักงานประจำที่มีรายได้ช่องทางเดียวจากเงินเดือน ให้เลือก “ระบุข้อมูลช่อง 40(1)”

ขั้นตอนที่ 5 :  กรอกรายได้ทั้งปีตามใบ 50 ทวิ

กรอกรายได้ทั้งปีตามใบ 50 ทวิที่ทางบริษัทให้มา ดังนี้

• เงินได้ทั้งหมด คือ รายได้ในปีที่ผ่านมาของเราทั้งหมด
• ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ให้ดูว่าบริษัทมีการหักภาษีล่วงหน้าไปหรือไม่ หากไม่มีให้ระบุ 0 หรือถ้ามีให้ระบุตามใบ 50 ทวิ
• เลขผู้จ่ายเงินได้ของบริษัทที่เราทำงานอยู่

ขั้นตอน 6 : ตรวจสอบค่าลดหย่อนทั้งหมด

ระบบจะแสดงข้อมูลค่าลดหย่อนที่เรามีมาให้อัตโนมัติ  แต่หากมีค่าลดหย่อนอื่น ๆ เพิ่มเติมในปี 2566 ที่ผ่านมา สามารถใส่เพิ่ม หรือปรับแก้ไขได้

ขั้นตอนที่ 7 : ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ระบบจะคำนวณภาษีที่ต้องชำระให้อัตโนมัติ หลังจากตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเรียบร้อยแล้วให้กด “ถัดไป”

ขั้นตอนที่ 8 : กดยืนยันการยื่นแบบ

เมื่อตรวจสอบข้อมูลครบถ้วนแล้ว กด"ยืนยันการยื่นแบบ" เป็นอันเสร็จสิ้นการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาผ่านช่องทางออนไลน์

 

 

ผลการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้

กรณีไม่มีภาษีต้องชำระ 

• ในกรณีไม่มีภาษีต้องชำระ ระบบจะแจ้งผลการยื่นแบบและหมายเลขอ้างอิง พร้อมออกเอกสารแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและใบเสร็จรับเงินเพื่อเป็นหลักฐานในการยื่นแบบ

กรณีมีภาษีชำระไว้เกิน 

• สามารถเลือกรับคืนเงินภาษีที่ชำระเกินได้ทางพร้อมเพย์ หรือบัญชีของธนาคารกรุงไทย พร้อมติดตามสถานะคืนเงินภาษีได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร https://www.rd.go.th
• เลือกอุดหนุนภาษีให้แก่พรรคการเมือง สามารถเลือกได้ตามต้องการ

 
กรณีมีภาษีต้องชำระเพิ่มเติม

กรณีมีภาษีต้องชำระเพิ่มสามารถเลือกชำระภาษีได้หลายช่องทาง ได้แก่ QR Code, E-Payment, Internet Credit Card, ATM on Internet, บัตรภาษี และชำระผ่านช่องทางอื่น ๆ เช่น Pay-In Slip ผ่านช่องทาง Counter Service, Tele-Banking และอื่น ๆ

ทั้งนี้หากมียอดที่ต้องชำระภาษีเพิ่ม ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป กรมสรรพากรให้เลือกผ่อนชำระภาษีได้สูงสุด 3 งวดเท่า ๆ กัน โดยไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยระบบจะคำนวณให้อัตโนมัติ แต่หากไม่ชำระภายในวันที่กำหนดจะคิดดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนหรือเศษของเดือนของเงินภาษีงวดที่เหลือ ระบบจะคำนวณยอดชำระพร้อมกำหนดวันที่ต้องชำระให้ทั้ง 3 งวด และจะมี SMS จากกรมสรรพากรแจ้งเตือนเมื่อครบกำหนดวันที่ต้องชำระภาษี

อ้างอิง : กรมสรรพากร