BIOTEC ทุ่ม 285 ล้าน เข้าซื้อธุรกิจแวร์เฮาส์ในแหลมฉบัง จากกลุ่มนทลิน

25 ธ.ค. 2566 | 09:55 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ธ.ค. 2566 | 10:03 น.

BIOTEC ทุ่ม 285 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น "เค.อาร์.ซี.โลจิสติกส์"เฉียด 13 ล้านหุ้น จาก"กลุ่มนทลิน "โดยใช้แหล่งเงินจากขายหุ้นกู้ รับรู้รายได้ทันทีจากสิทธิสัญญาเช่าคลังสินค้าในพื้นที่แหลมฉบัง ยาวนานกว่า 17 ปี

นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไบโอ กรีนเอ็นเนอร์ยี่ เทค (BIOTEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เค.อาร์.ซี.โลจิสติกส์ จำกัด จากบริษัท แวร์เฮ้าส์ เอ็กเพรส จำกัด จำนวน 12,999,998 หุ้น ซึ่งได้รับสิทธิการเช่าพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง โซน 2 เนื้อที่ประมาณ 28,318 ตารางวา เป็นระยะเวลา 25 ปี จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า

โดย เค.อาร์.ซี ได้มีการก่อสร้างอาคารคลังสินค้า 2 อาคารให้เช่า โดยมีพื้นที่ใช้สอยแต่ละอาคารประมาณ 30,000 ตารางเมตร และ เค.อาร์.ซี ได้เข้าทำสัญญาเช่าอาคารคลังสินค้า 1 กับผู้เช่ารายหนึ่ง โดยมีระยะเวลาการเช่า 21 ปี(สัญญาสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2584) และอาคารคลังสินค้า 2 กับผู้เช่ารายหนึ่ง โดยมีระยะเวลาการเช่า 17 ปี 4 เดือน (สัญญาสิ้นสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2584)
 

ในการเข้าลงทุนบริษัทจะซื้อหุ้นสามัญจำนวน 12,999,998 หุ้น จากผู้ขาย ในราคา 165,000,000 บาท บวกส่วนเกินเงินสดของ เค.อาร์.ซี ระหว่างวันโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นที่ซื้อขายและวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยคาดว่าราคาซื้อขายจะเป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 285,000,000 บาท (แบ่งเป็นมูลค่ากิจการ 165,000,000 บาท และเงินสดของ เค.อาร์.ซี 120,000,000 บาท) คาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567
          
ทั้งนี้ ผู้ขายเป็นบริษัทย่อยในเครือของบริษัท นทลิน จำกัด ซึ่งกลุ่มนทลินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทผ่าน Austin Asset Limited และมีนายปวีณ ปานบุญห้อม ซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่มนทลิน โดย ณ วันที่ 22 ธันวาคม 2566 กลุ่มนทลินถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 27.73% โดย Austin Asset Limited และนายปวีณ ปานบุญห้อม ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 19.44% และ 8.29% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท

แหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่ 1/2566  (BIOTEC255A) ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท

 

ผลประโยชน์ที่บริษัทคาดจะได้รับ จากการเข้าลงทุนใน บจก.เค.อาร์.ซี ซึ่งประกอบธุรกิจที่มีศักยภาพและมีผลตอบแทนที่มั่นคง อันจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมจากโครงการได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนาโครงการและรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเอง รวมไปถึงบริษัทมีนโยบายการลงทุนระยะยาวใน บจก.เค.อาร์.ซี ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากรายได้ที่แน่นอนตามสัญญาเช่าของลูกค้าของบจก.เค.อาร์.ซี ที่มีสัญญาเช่าระยะยาวจนครบอายุโครงการอีกกว่า 17 ปี ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น และจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวในอนาคต