ดาวโจนส์ปิดบวก 157.06 จุด จับตาเงินเฟ้อ-ประชุมเฟด

12 ธ.ค. 2566 | 06:57 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ธ.ค. 2566 | 08:24 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (11 ธ.ค.) นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,404.93 จุด เพิ่มขึ้น 157.06 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,622.44 จุด เพิ่มขึ้น 18.07 จุด หรือ +0.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,432.49 จุด เพิ่มขึ้น 28.51 จุด หรือ + 0.20%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2565 ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. 2565 และดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2565

สหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ย.ในวันนี้ เวลาประมาณ 20.30 น.ตามเวลาไทย และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ในวันพุธ โดยนักลงทุนจับตาข้อมูลเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้

           

ผลการสำรวจประจำเดือนพ.ย.ของเฟดสาขานิวยอร์กพบว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้า อยู่ที่ 3.4% ลดลงจาก 3.6% ในเดือนต.ค. และยังแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดมีความหวังว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวลงโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ข้อมูลล่าสุดจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ แต่ให้น้ำหนักเพียง 43% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 และให้น้ำหนักเกือบ 75% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. 2567

ทั้งนี้ นักลงทุนได้ลดการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 199,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นจาก 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่อัตราว่างงานเดือนพ.ย.ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.9%

 

หุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นำโดยหุ้บบรอดคอม (Broadcom) ทะยานขึ้นเกือบ 9% หลังจากซิตี้กรุ๊ปให้น้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นบรอดคอมที่ระดับ "Buy"

หุ้นซิกนา (Cigna) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพ พุ่งขึ้น 16.6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นไนกี้ ดีดตัวขึ้น 2.3% โดยได้แรงหนุนจากการที่ซิตี้กรุ๊ปปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้สู่ระดับ "Buy" จากระดับ "Neutral" หรือ "คงน้ำหนักการลงทุน"

นอกเหนือจากข้อมูลเงินเฟ้อและผลการประชุมเฟดแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ย.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล

น้ำมัน WTI ปรับขึ้นเล็กน้อย ปิดที่ 71.32 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันจันทร์ (11 ธ.ค.) โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 71.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 19 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 76.03 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้แม้ที่ประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในไตรมาสแรกของปี 2567 แต่มติดังกล่าวเป็นไปในลักษณะของการสมัครใจของประเทศสมาชิก  จึงทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าสมาชิกโอเปกพลัสจะปฏิบัติตามมติดังกล่าวหรือไม่ นอกจากนี้ ผลการประชุมโอเปกพลัสไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในปีหน้าได้