ก.ล.ต.ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มสายงานบังคับใช้กฏหมาย ดีเดย์ 1 ธ.ค.66

30 พ.ย. 2566 | 10:42 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ย. 2566 | 10:42 น.

ก.ล.ต.ปรับปรุงโครงสร้างองค์กร รองรับแผนยุทธศาสตร์ ก.ล.ต. ที่มุ่งสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และความยั่งยืน (ESG) มีผลตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในการประชุมครั้งที่ 16/2566 เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 ได้มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับเป้าหมายการทำงานเพื่อมุ่งสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน (Trust and Confidence) และช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีสาระสำคัญดังนี้
    

(1) จัดกลุ่มงานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนและการบังคับใช้กฎหมายไว้ด้วยกัน เพื่อให้ภารกิจงานทั้งหมดสามารถเชื่อมประสานกันได้อย่างราบรื่นตั้งแต่การระดมทุนและติดตามดูแลภายหลังการระดมทุน

(2) เพิ่มสายงานด้านการบังคับใช้กฎหมายอีก 1 สายงาน เพื่อรองรับปริมาณงานที่ต้องตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และจะนำไปสู่การดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

(3) แยกหน่วยงานรับเรื่องร้องเรียนออกมาให้ชัดเจน โดยตั้งเป็น “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส” เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับและติดตามเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ทั้งเรื่องร้องเรียนตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ก.ล.ต. และเรื่องร้องเรียน ก.ล.ต. ซึ่งรวมถึงบุคลากรของ ก.ล.ต. ด้วย

(4) ปรับปรุงขอบเขตงานด้านคดี โดยโอนงานคดีปกครอง เพื่อรวมศูนย์งานด้านคดีไว้ที่เดียวกัน 
 

(5) รวมศูนย์งานด้านกำกับและตรวจสอบความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Audit) ไว้ที่ส่วนงานเดียว เพื่อเป็นศูนย์กลางในการมองภาพรวมทั้งระบบ

(6) จัดโครงสร้างและขอบเขตงานของสายงานตัวกลางและสายธุรกิจจัดการลงทุน เพื่อช่วยให้การทำงานและขับเคลื่อนงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น 

(7) เพิ่มส่วนงานในสายนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ทำหน้าที่ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการเข้าถึงแหล่งทุนของภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้การเข้าถึงการลงทุนและการจัดสรรเงินลงทุนของผู้ลงทุนเป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงเสนอนโยบายเพื่อการพัฒนาและกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน

(8) จัดให้สายงานกฎหมายขึ้นตรงต่อเลขาธิการเพื่อตรวจสอบและถ่วงดุล (check & balance) ซึ่งจะทำให้งานเกิดความรอบคอบและสมบูรณ์ เนื่องจากสายงานกฎหมายเป็นสายงานที่จะเห็นความเชื่อมโยงของหลักเกณฑ์ทั้งหมด และเป็นศูนย์กลางให้คำปรึกษาทางกฎหมายให้แก่ส่วนงานต่าง ๆ ของ ก.ล.ต. 

 

ก.ล.ต.ปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพิ่มสายงานบังคับใช้กฏหมาย ดีเดย์ 1 ธ.ค.66 สำหรับโครงสร้างองค์กรที่ปรับปรุงใหม่จะมีการเพิ่มผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย 1 ตำแหน่ง และเพิ่มผู้อำนวยการ 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายนโยบายธุรกิจจัดการลงทุน ฝ่ายนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล ซึ่งภายหลังการเพิ่มตำแหน่งดังกล่าว โครงสร้างองค์กรของ ก.ล.ต. จะประกอบด้วย รองเลขาธิการ 4 ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการ 12 ตำแหน่ง ส่วนงาน 36 ฝ่าย และ 1 ศูนย์ 

 

นอกจากนี้ ก.ล.ต. มีคำสั่งแต่งตั้งและโยกย้ายพนักงาน ดังต่อไปนี้    

  • 1. นางณัฐญา นิยมานุสร ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับตลาดและความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ สายธุรกิจจัดการลงทุน
  • 2. นางจารุพรรณ อินทรรุ่ง ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับธุรกิจจัดการลงทุนและตัวกลาง เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ สายธุรกิจตัวกลางและตลาด
  • 3. นางพัฒนพร ไตรพิพัฒน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย 1 และเป็นรักษาการผู้ช่วยเลขาธิการ สายบังคับใช้กฎหมาย 2 อีกตำแหน่งหนึ่ง
  • 4. นางสาวนภนวลพรรณ ภวสันต์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายนวัตกรรมทางการเงิน เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ สายนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล และเป็นรักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัล อีกตำแหน่งหนึ่ง
  • 5. นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายสื่อสารองค์กร เป็นหัวหน้าศูนย์์ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส อีกตำแหน่งหนึ่ง
  • 6. นางศิษฏศรี นาคะศิริ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายผู้ประกอบธุรกิจ เป็นผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายธุรกิจจัดการลงทุน และเป็นรักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อีกตำแหน่งหนึ่ง
  • 7. นายสุรศักดิ์ ฤทธิ์ทองพิทักษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาด เป็นผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายธุรกิจหลักทรัพย์ และเป็นรักษาการผู้อำนวยการ ฝ่ายกำกับตลาด อีกตำแหน่งหนึ่ง

ทั้งนี้ การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป