ทิสโก้ ฟันธงปี 67 "ตราสารหนี้" กำไรดีกว่า"หุ้นโลก" รับมือศก.โลกถดถอย

28 ก.ย. 2566 | 14:18 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ย. 2566 | 14:20 น.

ทิสโก้ ชี้ปี 2567 เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย การลงทุนใน"ตราสารหนี้" หรือ "พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ" จะสร้างผลตอบแทนน่าสนใจกว่า "หุ้นโลก" และยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน 

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2567 ว่า ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องกลับมาลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรงกว่าที่คาด อาจทำให้ผลตอบแทนรวม จากการลงทุนในพันธบัตรอาจเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10%  ซึ่งทำให้การลงทุนพันธบัตรสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาดหุ้นโลก และช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ดี

 

คมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้

 

“ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยิลด์) เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 4.5% และคาดว่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในระดับนี้ในระยะสั้น ก่อนจะลดลงสู่ระดับที่ 3.9-4.0% ในช่วงสิ้นปี 2566 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงท้ายปี และหากเป็นไปตามคาดการลงทุนในพันบัตรอายุ 10 ปี จะได้รับผลตอนแทนจากส่วนต่างของราคาอีก 2-3% เพิ่มเติมจากผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ราว 4.5% ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนรวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 6-7% ในกรอบระยะเวลาการลงทุน 1 ปี

แต่หากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า และ Fed ต้องกลับมาลดดอกเบี้ยลงเร็วและแรงกว่าที่คาดจะส่งผลให้บอนด์ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.0% ซึ่งในกรณีนี้ผลตอบแทนรวมจากการลงทุนในพันธบัตรอาจเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10%   ” นายคมศรกล่าว 
 

ทั้งนี้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกจะปรับฐานลงมาตามคาดเพราะได้รับแรงกดดันจากบอนด์ยิลด์ที่พุ่งขึ้นประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง แต่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นโลก เนื่องจากเศรษฐกิจอาจชะลอตัวมากกว่าคาด และอาจนำไปสู่การปรับลดคาดการณ์ผลกำไรของตลาดหุ้นและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ตราสารหนี้โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอัตราผลตอบแทน (บอนด์ยิลด์) ในระดับสูง มีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ต่ำ และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ