"หุ้นไทย" ปิดตลาด (26 ก.ย.) ร่วง 13.34 จุด หลุด 1,500 จุด

หุ้นไทยปิดตลาด (26 ก.ย.66) ที่ระดับ 1,494.02 จุด ปรับลดลง 13.34 จุด หรือ - 0.88% มูลค่าซื้อขาย 55,609.45  ล้านบาท ดัชนี SET ระหว่างวันปรับสูงสุด 1,514.90 จุด และต่ำสุดที่ 1,494.02 จุด โดยหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นมี  88  หลักทรัพย์ , ไม่เปลี่ยนแปลง 118 หลักทรัพย์ และปรับลดลง 440 หลักทรัพย์

มูลค่าการซื้อขาย 55,609.45 ล้านบาท

• นักลงทุนสถาบัน   - 37.68   ล้านบาท
• บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ - 871.98 ล้านบาท 
• นักลงทุนต่างประเทศ -788.62 ล้านบาท
• นักลงทุนในประเทศ  + 1,698.2 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทย ถูกกดดันจากความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะทรงตัวในระดับสูงยาวนานกว่าคาด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยีลด์) พุ่งสูงสุดในรอบ 16 ปี กดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ค่อนข้างผันผวน หลังจากปรับตัวขึ้นในช่วงภาคเช้ารับปัจจัยหนุน คือ ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนส.ค.พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 11 เดือน  แต่มาเจอแรงขายต่อเนื่องโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ จากทิศทางค่าเงินบาทที่ยังอ่อนค่า และยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่มาช่วยหนุน กดดันตลาดปิดช่วงบ่ายหลุดต่ำกว่า 1,500 จุด

ด้านน.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้าง โดยนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี  ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณเชิงลบ เมื่อไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบครั้งใหม่ต่อแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของเอเวอร์แกรนด์

5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด

หลักทรัพย์       ล่าสุด(บาท)        เปลี่ยนแปลง (บาท)   มูลค่า (ล้านบาท)

• PTTEP       168.50       +2.00 (+1.20%)    3,023.46
• KBANK      123.00        -2.50 (-1.99%)   2,676.04
• SAV             15.30        -3.70 (-19.47%)  2,261.59
• SCB           102.00       -1.50 (-1.45%)  2,250.68
• BDMS         27.25         +0.50 (+1.87%)   2,022.14