JPARK เคาะราคา IPO หุ้นละ 3.80 บาท เปิดจอง 25-27 ก.ย. 66

21 ก.ย. 2566 | 12:59 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ก.ย. 2566 | 13:00 น.
1.1 k

JPARK กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่หุ้นละ 3.80 บาท พร้อมเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 82.5 ล้านหุ้น เปิดจองวันที่ 25-27 ก.ย. 66 คาดเข้าตลาด mai ช่วง ต.ค. 66

บริษัท เจนก้องไกล จำกัด (มหาชน) หรือ "JPARK" กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.80 บาท/หุ้น โดยจะเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 82.5 ล้านหุ้น

เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท ไม่เกิน 16.5 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทไม่เกิน 11 ล้านหุ้น ระยะเวลาจองซื้อ วันที่ 25-27 ก.ย. 66 ทาง JPARK คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในหมวดธุรกิจบริการ ช่วงต้นเดือน ต.ค. 66

โดยผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส และมีผู้ร่วมจัดจำหน่าย ได้แก่ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย), บล.กรุงศรีฯ, บล. ฟิลลิป, บล.โกลเบล็ก และบล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินการ

กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: PER) ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่เสนอขายหุ้นละ 3.80 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (PER) เท่ากับ 23.74 เท่า 

โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาส ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 66 ซึ่งมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 64.02 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 400 ล้านหุ้น จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น ที่เป็นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 0.16 บาทต่อหุ้น

บริษัทมีนโยบายการ จ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนดและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัท คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาการจ่ายเงินปันผล 

โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และการจ่ายเงินปันผลนั้นจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามปกติอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน   

สำหรับเงินที่ได้จากขาย IPO ราว 418 ล้านบาทไปลงทุนขยายโครงการอาคารจอดรถโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจำนวน6 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 532 คัน และรองรับรถจักรยานยนต์ได้ 72 คัน โดยมีพื้นที่ใช้สอย 18,242 ตารางเมตร พื้นที่พาณิชย์ 2,049 ตารางเมตร 

ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์กลางปี 67 ซึ่งจะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาว โดยสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทมาจากธุรกิจการให้บริการที่จอดรถ ซึ่งพื้นที่จอดรถของโรงพยาบาลสร้างรายได้ให้กับบริษัทสูงสุด 

รวมทั้งทางบริษัทมีแผนจะขยายพื้นที่จอดรถยนต์ในพื้นที่สำนักงาน ซึ่งจะเริ่มต้นเปิดให้บริการในปีหน้าเป็นต้นไป รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 66 บริษัทมีรายได้รวม 254.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 61.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31.82% ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นในทุกประเภทธุรกิจหลัก โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (PS) เพิ่มขึ้นถึง 42.98 ล้านบาท 

เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกปี 65 บริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด แต่ 6 เดือนแรกของปีนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว บริษัทมีกำไรขั้นต้น 54.69 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 21.57% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเล็กน้อย 

ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 27.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 8.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.57% และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.97%