ดาวโจนส์ปิดร่วง 195.74 จุด บอนด์ยีลด์พุ่งทุบตลาด

06 ก.ย. 2566 | 06:46 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2566 | 06:51 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (5 ก.ย.) ตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ ก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,641.97 จุด ลดลง 195.74 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,496.83 จุด ลดลง 18.94 จุด หรือ -0.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,020.95 จุด ลดลง 10.86 จุด หรือ -0.08%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.234% เมื่อคืนนี้ หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และหลังจากที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลกรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองของสหรัฐ ซึ่งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง และจะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งท้ายที่สุดจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

 

พอล นอลเต้ นักวิเคราะห์จากบริษัท Murphy & Sylvest Wealth Management กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยถ่วงตลาดเมื่อคืนนี้ คือความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันยังอาจบั่นทอนความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

แซม สโตวอล นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธที่ 13 ก.ย.นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยก่อนที่การประชุมเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย.

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะปิดตลาดร่วงลง 1.8% และ 1.7% ตามลำดับ ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลง 1.5%

หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.51% หลังจากทางสายการบินประกาศระงับการบินทั่วสหรัฐเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ เนื่องจากปัญหาขัดข้องของระบบคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะยกเลิกคำประกาศในเวลาต่อมา หลังจากสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
         

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยหุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 1.31% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.24%
 

หุ้นออราเคิล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์ปรับเพิ่มมุมมองความน่าลงทุนของหุ้นออราเคิลขึ้นสู่ระดับ "เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight)" จากเดิมที่ให้ "คงน้ำหนักการลงทุน (Equal weight)"

ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ขณะนี้มีโอกาสเพียง 15% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งลดลงจากโอกาส 20% ที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)