กระทรวงคลังสปป.ลาว เปิดขายบาทบอนด์ ดอกเบี้ย 6.6 %

12 ก.ค. 2566 | 19:18 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2566 | 19:19 น.

กระทรวงคลังสปป.ลาว เปิดจองซื้อพันธบัตรสกุลบาท(บาทบอนด์) วงเงิน 3,610.3 ล้านบาท ชูดอกเบี้ยสูงสุด 6.6 % ขาย 31 ก.ค และ 2 - 3 ส.ค. 2566 นี้ พร้องเดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโลกการค้าอาเซียน

ท่านสุลีวัด สุวันนะจูมคำ อธิบดีกรมคุ้มครองหนี้สินสาธารณะ กระทรวงการคลังแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว)เปิดเผยว่า  กระทรวงการคลังแห่งสปป.ลาวเตรียมเสนอขายพันธบัตรสกุลเงินบาท(บาทบอนด์) ครั้งที่ 1/2566 โดยเป็นพันธบัตรชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือพันธบัตร รวม 2 ชุด วงเงินรวมไม่เกิน 3,610.3 ล้านบาท กำหนดการชำระดอกเบี้ย ทุก ๆ 3 เดือน

กระทรวงคลังสปป.ลาว เปิดขายบาทบอนด์ ดอกเบี้ย 6.6 %

  • พันธบัตร ชุดที่1 อายุ 3 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.1% ครบกำหนดไถ่ถอน ในปี 2569
  • พันธบัตร ชุดที่2 อายุ 4 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.6%  ครบกำหนดไถ่ถอน ในปี 2570

โดยมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายพันธบัตรสกุลเงินบาทในประเทศไทยในครั้งนี้8nv

  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน)
  • บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
  • บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) 

ทั้งนี้ พันธบัตรของกระทรวงการคลัง แห่งสปป.ลาวเตรียมเปิดให้จองซื้อในวันที่ 31 ก.ค  และ 2 - 3 ส.ค 2566 นี้ โดยเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท จองขั้นต่ำ 100 หน่วย ให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่ (HNW) และผู้ลงทุนสถาบัน (II) สำหรับวัตถุประสงค์การเสนอขายพันธบัตรในครั้งนี้ เพื่อต้องการนำเงินที่ได้ไปใช้รีไฟแนนซ์พันธบัตรชุดเดิมที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2566

กระทรวงคลังสปป.ลาว เปิดขายบาทบอนด์ ดอกเบี้ย 6.6 %

“พันธบัตรของกระทรวงการคลังแห่งสปป.ลาว น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนไทยที่เชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของสปป.ลาว ซึ่งตั้งแต่ปี 2556 ได้รับการตอบรับจาก นักลงทุนไทยเป็นอย่างดีต่อเนื่องมายาวนาน ไม่เคยมีประวัติการผิดนัดชำระกับนักลงทุน สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามเงื่อนไขมาโดยตลอด”ท่านสุลีวัดกล่าว 

ทั้งนี้ สปป.ลาว ได้เปลี่ยนสถานะจากการขาดดุลบัญชีการค้ามาเป็นเกินดุลบัญชีการค้าแล้วตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2563 โดยปี 2564 มีมูลค่าการส่งออก 7,695 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2565 มีมูลค่าการส่งออก 8,198 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีอัตราเติบโตเพิ่มมากขึ้นแบบขั้นบันไดอย่างมีนัยสำคัญ

โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการส่งออกไฟฟ้า แร่ธาตุ ผลิตผลจากไม้ เยื่อไม้และกระดาษ สินค้าเกษตร ประกอบด้วย ยางพารา  มันสัมปะหลัง  กล้วย  อ้อย  และกาแฟ ไปยังประเทศปลายทางต่างๆ เช่น ไทย จีน เวียดนาม ออสเตรเลีย สิงคโปร์

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากโครงสร้างพื้นฐานและโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่กำลังทยอยก่อสร้างเสร็จ เช่น โครงการรถไฟฟ้าลาว-จีน โครงการก่อสร้าง เขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ (โครงการท่าบกท่านาแล้ง ศูนย์โลจิสติกส์เวียงจันทน์) และทางด่วนเวียงจันทน์-บ่อเต็น ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งประมาณ 30 - 40% และประหยัดเวลาในการขนส่งสินค้า ส่งผลให้ สปป.ลาว สามารถส่งออกไปจีนและอาเซียนได้เพิ่มขึ้น และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

“สปป.ลาวสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตและความแข็งแกร่งในระยะยาว โดยได้เร่งพัฒนาเพื่อยกระดับเศรษฐกิจเชื่อมโยงโลกการค้าอาเซียนสู่ตลาดต่างประเทศให้ดียิ่งขึ้น และคาดว่าปี 2566-2568 GDP ของสปป.ลาว จะโตขึ้นปีละประมาณ 4.5% - 5.0%”ท่านสุลีวัดกล่าว