"DSI" ขีดเส้นล่าคนผิด คาดโกง STARK เสียหายอาจทะลุแสนล้าน

28 มิ.ย. 2566 | 14:15 น.
อัปเดตล่าสุด :28 มิ.ย. 2566 | 14:20 น.

อธิบดี DSI สั่งอายัดทรัพย์โกง STARK กว่า 100 ล้าน เร่งติดตามทรัพย์ที่เหลือ ขีดเส้น 2 สัปดาห์รู้ตัวคนผิด จ่อเรียก"ชนินทร์ อดีตปธ.กก - 4 บิ๊กบริษัท - ผู้สอบบัญชี"เข้าให้ข้อมูล ตีความเสียหายเบื้องต้น 3-5 หมื่นล้าน แต่อาจทะลุแสนล้าน

จากกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมตรวจสอบเหตุทุจริตของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และรับเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

ความคืบหน้าเรื่องนี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ ) เปิดเผยว่า การสืบสวนเบื้องต้นมีมูลเชื่อว่ามีการกระทำผิดของกรรมการ หรือ ผู้บริหาร หรือบุคคลอื่นใด เกิดขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งพฤติการณ์มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจการคลังของประเทศ  

ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวน ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 100 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว และจะเร่งพยายามติดตามทรัพย์สินที่เหลืออีกจำนวนมาก ส่วนมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้ เบื้องต้นเป็นจำนวนตัวเลข 35,000 - 50,000 ล้านบาท และคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทะยานไปสู่ 100,000 ล้านบาท 


 

"ที่ผ่านมาคณะพนักงานสอบสวน ได้มีการเชิญพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายรายเข้าให้ปากคำในฐานะพยานบ้างแล้ว อาทิ กรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งกรรมการชุดเก่าและชุดใหม่ใน 4 บริษัทสำคัญ ได้แก่ บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล(ไทยแลนด์) จำกัด , บริษัท อดิสรสงขลา จำกัด , บริษัท ไทย เคเบิ้ล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เนื่องจากเบื้องต้นพบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำบัญชี และมีส่วนเกี่ยวข้องในบทบาทของการตัดสินใจ การเซ็นอนุมัติต่างๆ แต่ว่า บุคคลเหล่านี้จะรู้เห็นในการกระทำความผิดด้วยหรือไม่นั้น เราจะต้องมีการสอบปากคำให้ครบถ้วนในทุกประเด็น และดูพยานหลักฐานเอกสารประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของคำให้การว่าเจ้าตัวจะมีการระบุว่าเข้าไปเกี่ยวข้องในขั้นตอนไหนอย่างไรบ้าง" 

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เร่งรัดขอเอกสารเพิ่มเติมจาก STARK และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้พิจารณาในส่วนของพยานหลักฐานขนานไปกับคำให้การต่างๆ ทั้งเรื่องเส้นทางการเงิน เอกสารการจัดซื้อสินค้า เพื่อตรวจสอบว่ามีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ระดับใด หากได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว จากนั้นจะพิจารณาว่าผู้ที่กระทำผิดมีใครเกี่ยวข้องบ้าง หรือเกี่ยวข้องในระดับใด เพื่อออกหมายเรียกผู้ต้องหาต่อไป

"คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ดีเอสไอจึงต้องมีการเร่งทยอยเรียกบุคคลต่างๆเข้ามาให้การในฐานะพยาน เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้รวบรวมคำให้การและเอกสารพยานหลักฐาน ส่วนระดับผู้บริหารของ 4 บริษัทสำคัญเราก็จะมีการทยอยเรียกเข้าให้การในฐานะพยานเช่นเดียวกัน"

 

สำหรับกรณีการเรียกนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ STARK มาให้ข้อมูลนั้น พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า เบื้องต้นได้ประสานไปยังเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว คาดว่าหากนายชนินทร์ เข้าให้การก็คงจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นก็ได้รียกบริษัทผู้สอบบัญชีเข้ามาให้การในฐานะพยานเช่นเดียวกัน ทั้ง บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ (Deloitte) ในฐานะผู้สอบบัญชี และ บริษัท ไพร้ชวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส คอนซัลติ้ง(ประเทศไทย) จำกัด (PwC) ในฐานะ Special Audit

"บริษัทเหล่านี้ได้พบเห็นการทุจริตและมีข้อเท็จจริงบางส่วน เราจึงต้องเรียกมาสอบถามถึงพฤติการณ์ต่างๆ เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดตัวจริงให้ได้ เพราะตนไม่อยากให้ใครหลุดรอดไป จำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงให้รอบด้าน อีกทั้งในกรณีที่มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคล 3 รายก่อนหน้านี้ (อดีตประธานกรรมการบริษัท และลูกน้องของประธานกรรมการ) ผู้เสียหายก็ได้มอบพยานหลักฐานรวมถึงพฤติการณ์ต่างๆของผู้ที่ถูกกล่าวหาไว้ให้กับทางดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว แต่เราต้องขอสงวนการเปิดเผยในส่วนของรายละเอียดไว้ก่อน"พ.ต.ต.สุริยา กล่าว  

ขณะนี้ได้เร่งให้คณะพนักงานสอบสวนทำเรื่องราวให้ชัดเจนภายในสองสัปดาห์ หลังจากนี้จะต้องมีความชัดเจนปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อผู้กระทำความผิด ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด หรือใครบ้างเข้าข่าย พร้อมกันนั้น DSI ได้เปิดสายด่วน 1202 เพื่อให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีของหุ้น STARK ติดต่อแจ้งความเสียหายเข้ามาด้วย เพื่อรวบรวมจำนวนผู้เสียหายจากกรณีนี้กี่รายและรายละเอียดเพิ่มเติม

พ.ต.ต.สุริยา กล่าวอีกว่าเบื้องต้นดีเอสไอพบร่องรอยการทุจริตจริง ระหว่างนี้จึงต้องเร่งรวบรวมพยานหลักฐานของทั้งพนักงานสอบสวนดีเอสไอเอง เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต. และ พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. พร้อมนำมาประกอบกับคำให้การก่อนพิจารณาตั้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิด และดีเอสไอจะดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาต่อไป.