โบรกฯ แนะชะลอลงทุนหุ้นกลุ่ม "JMART" รอดูแก้ปัญหาหนี้

08 พ.ค. 2566 | 05:15 น.
641

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แนะชะลอลงทุนหุ้นกลุ่ม "JMART" รอดูแก้ปัญหาหนี้ คาดใช้เวลาช่วงไตรมาสแรกปี 66 ก่อนฟื้นตัวครึ่งปีหลัง จับตาท่าที "SINGER" แถลงความชัดเจน และผลการดำเนินงาน 9 พ.ค. 66

จากปัญหาราคาหุ้นในกลุ่ม "JMART" ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาหนี้ที่พุ่งสูงขึ้น และผู้บริหารลาออก จนหลายฝ่ายรอจับตาการแถลงของ "SINGER" ถึงสาเหตุของปัญหา และการประกาศผลการดำเนินงานในวันที่ 9 พ.ค. 66

โดยนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดราคาหุ้นกลุ่ม JMART ที่ปรับตัวลงแรง จากนักลงทุนคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2566 ออกมาไม่ดี ซึ่งอาจจะออกมาต่ำที่สุดของปีนี้ 

โดยเฉพาะงบของ SGC, SINGER และ JMART ที่จะออกมาไม่ดี เนื่องจาดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวขึ้นสูง ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ไตรมาส4 ปี 2565 จึงทำให้งบของ JMART ซึ่งเป็นบริษัทแม่ไม่ดีไปด้วย

อย่างไรก็ตามคาดว่าทั้ง SINGER และ SGC อาจจะใช้เวลาในการแก้ปัญหาหนี้เสียในครึ่งปีแรก รวมทั้งกรณีที่ผู้บริหารของ SINGER ลาออกนั้น มีผลต่อราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทในเชิงเซ็นทิเมนท์

ดังนั้นทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่ดี แต่เชื่อว่าครึ่งปีหลังน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาNPLได้ จึงทำให้ผลการดำเนินงานค่อยๆฟื้นตัว

จึงแนะนำนักลงทุน "ชะลอลงทุน" เพื่อรอดูผลดำเนินงานไตรมาสแรกปี 66 แล้วค่อยทยอยสะสมได้หลังประกาศงบแล้ว

ขณะที่นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่า ราคาหุ้นกลุ่ม JMART ที่ปรับตัวลงแรง คาดว่าเกิดจากนักลงทุนลดน้ำหนักในการลงทุน หลังผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ทั้งราคาหุ้น และผลประกอบการ

ส่วนกรณีที่ผู้บริหารของ SINGER ลาออกนั้น ถือว่ามีส่วนทำให้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวลดลงเช่นกัน ในเชิงเซ็นทิเมนท์ เพราะนักลงทุนกังวลเมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารใหม่ อาจเป็นผลจากความขัดแย้งภายใน หรือมีปัญหาบางอย่าง โดยเฉพาะผู้บริหารที่ลาออกก่อนที่จะประกาศงบการเงิน 

ด้านนายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่ม JAMRT ปรับตัวลงมามากในปัจจุบันนั้น แนะนักลงทุน ควรจะรอราคาหุ้นให้นิ่งก่อน เพื่อรอดูตัวเลขจริงของผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2566

รวมถึงสาเหตุที่ทำให้ผู้บริหารในเครือตัดสินใจลาออก รวมทั้งรอประเมินผลการดำเนินงานของกลุ่ม JAMRT ในระยะถัดไปว่า ยังสามารถเติบโตได้หรือไม่

เพราะจากกำไรผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมานั้นไม่ได้ถือว่าแย่ และหากประเมินภาวะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มเติบโตต่อได้ ควรดูข้อมูลธุรกิจเป็นปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ

ขณะที่นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มีมุมมองว่า เรื่องนี้ยังต้องรอรับฟังข้อมูลจาก SINGER ที่จะมีการแถลงข่าวในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เพื่อให้มีข้อมูลใหม่นำมาประเมินแนวโน้มในระยะถัดไป

ทั้งนี้ในการประชุมในสัปดาห์หน้า คงมีความชัดเจนมากขึ้น ถึงเหตุผลที่ผู้บริหารคนเดิมลาออก รวมทั้งสาเหตุที่แน่ชัด ว่ามีอะไรเกิดอะไรขึ้นกันแน่