บสย.โรดโชว์อุดรฯพ้อมช่วยค้ำสินเชื่อSMEsเข้มเแข็ง10จังหวัดอีสานบน

30 เม.ย. 2566 | 19:22 น.
อัปเดตล่าสุด :30 เม.ย. 2566 | 19:32 น.

บสย.โรดโชว์อุดรธานี  ปลุกธุรกิจรายเล็ก 10 จังหวัดอีสานตอนบน ร่วม"SMEsเข้มแข็ง ลั่นพร้อมค้ำให้เข้าถึงสินเชื่อเต็มเม็ดเต็มหน่วย ค่าธรรมเนียมต่ำ รวดเร็วฉับไว

วันที่ 28 เม.ย.2566 ที่โรงแรมเซ็นทารา โฮเตล แอนด์ คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ อ.เมืองอุดรธานี  บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย) รัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง โดยนายสิทธิกร  ดิเรกสุนทร  กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง

นายฐิตวัฒน์  พรหมทวีโชค  ผจก.สำนักงานเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อุดรธานี  ซึ่งดูและพื้นที่ 10 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร กาฬสินธ์ นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ หนองบัวลำภู หนองคาย  และจังหวัดเลย  ร่วมกันแถลงการเปิดตัวโครงการ “บสย.SMEs เข้มแข็ง” โครงการใหม่บสย.ประจำปี 2566   

นายสิทธิกร  ดิเรกสุนทร  กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย.  

 

บสย.โรดโชว์อุดรฯพ้อมช่วยค้ำสินเชื่อSMEsเข้มเแข็ง10จังหวัดอีสานบน

นายสิทธิกร กล่าวว่า ช่วง 2564-2565 ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิค-19  บสย.ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจ ผ่านมาตรการค้ำประกันสินเชื่อไปเกือบ 5 แสนล้านบาท เป็นผู้ประกอบการ SMEs กว่า 3 แสนราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้ประกอบการรายย่อยมากถึง 270,000 รายเศษ    

สำหรับ 3 เดือนแรกของปี 2566 (ม.ค.-มี.ค. 2566 )  บสย. สำนักงานเขตอีสานตอนบน ได้ค้ำประกันเงินกู้ของผู้ประกอบการ SMEs ไปแล้วจำนวน  2,003.08  ล้านบาท มีผู้ประกอบการได้รับสินเชื่อและอนุมัติการค้ำประกัน จำนวน 865  ราย สูงสุดคือ กลุ่มผู้ประกอบการบริการทุกประเภท  ถัดมาคือกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม  อันดับ 3. คือกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตสินค้าและการค้าอื่น ๆ และอันดับ 4. เป็นกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค

บสย.โรดโชว์อุดรฯพ้อมช่วยค้ำสินเชื่อSMEsเข้มเแข็ง10จังหวัดอีสานบน

บสย.โรดโชว์อุดรฯพ้อมช่วยค้ำสินเชื่อSMEsเข้มเแข็ง10จังหวัดอีสานบน

ในปี 2566 นี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลัง ได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566ที่ผ่านมา ในกรอบวงเงิน 50,000 ล้านบาท   โดย บสย.ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ”โครงการบสย. SMEs เข้มแข็ง”ขึ้น ซึ่งมีข้อดีที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในรอบนี้ คือ 

1.ในรอบนี้ บสย.จะให้การค้ำประกันตั้งแต่ 1 หมื่นบาท ถึง 40 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs  ทุกกลุ่ม สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

2.ค่าธรรมเนียมค้ำประกันถูกมาก เริ่มต้นที่ 1.25 ต่อปี ถึง 1.75 %ต่อปี มีการยกเว้นการชำระธรรมเนีบมค้ำประกัน  2-3 ปีแรก ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มไม่ต้องกังวลในเรื่องดังกล่าวใน 3 ปีแรก  และจะทำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น และสะดวกขึ้น 

3.สำหรับ SMEs ที่ต้องการปรับตัวเข้าสู่ปัจจัยยั่งยืน หรือ SMEs Smart Green ของ บสย.ก็มีผลิตภัณฑ์สมาร์ทกรีน ที่มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมนานถึง 5ปี  ปีที่ 6 ถึงปีที่ 10 ก็ชำระเพียง 1.5 % ต่อปี ซึ่งผู้ประกอบการ SMEs ทุกกลุ่มสามารถลงทะเบียนผ่านไลน์   TCG First ของบสย. เพียงกรอกชื่อ หมายเลขโทรศัพท์   ทางศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs  หรือ  F.A. Center ก็จะทำการแนะนำการขอสินเชื่อ จะทำให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าขอสินเชื่อได้ง่ายขึ้น 

บสย.โรดโชว์อุดรฯพ้อมช่วยค้ำสินเชื่อSMEsเข้มเแข็ง10จังหวัดอีสานบน

ส่วนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 นี้  บสย.มีแผนเดินหน้าสร้างการรับรู้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ "บสย.SMEs เข้มแข็ง" โดยมีโครงการย่อยรองรับทุกกลุ่ม ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการค้า การลงทุน ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว  ภายใต้แนวคิด  บสย. Fast & First  บสย.จะมุ่งขยายฐานการเข้าถึง บสย. ผ่านไลน์ TCG First  เป็นเพื่อนกับ บสย. เพื่อขอใช้บริการต่าง ๆ รวมถึงการขอปรึกษาขอสินเชื่อ วางแผนเรื่องการเงิน ปรึกษาการปรับปรุงโครงสรางหนี้ และฯลฯ ซึ่ง บสย.มีความพร้อมในการช่วยเหลือ ประคับประคองผู้ประกอบการให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ 

ทั้งนี้ โครงการ  บสย.SMEs เข้มแข็ง ที่มีกรอบวงเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศในครั้งนี้ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของผู้ประกอบการ SMES ได้มากถึง 2 แสนล้านบาท สามารถรักษาอัตราการจ้างงานได้มากถึง 7 แสนอัตรา

ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่ของ บสย.SMEs  ที่ออกในปี 2566 นี้ จำนวน 6 ประเภท คือ 

1. ผู้ประกอบการใหม่ Start Up  ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs หน้าใหม่ ที่ยังไม่เคยมีประวัติติดเครดิตบูโรกับสถาบันการเงินใดมาก่อน โดยสามารถที่จะขอกู้ได้ตั้งแต่ 1 หมืนบาทถึง 1 แสนบาทค่าธรรมเนียม 3 % ยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียม  2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไปถึงปีที่ 10 ชำระคนละครึ่ง ซึ่งมีวงเงินในระยะแรกนี้ 1,000 ล้านบาท   

2.ผู้ประกอบการขนาดเล็ก พ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการอิสระ Small Biz    ทาง บสย.จัดวงเงินเอาไว้ในระยะแรกนี้จำนวน 3,000 ล้านบาท สามารถกู้ได้ 10,000 ถึง 200,000 บาท  ยกเว้นค่าธรรมเนียม  2 ปีแรก จากปีที่ 3 เสียอัตรา 1.75 % ต่อปี ซึ่งโครงการนี้เหมาะมากสำหรับพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการอิสระรายเล็ก 

3.สำหรับกลุ่ม SMEs  บุคคลธรรมดา  หรือ  SMEs Smart One  มีกรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 40 ล้านบาท ยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก  จากปีที่ 3 ถึงปีที่ 10  ชำระอยู่ในอัตรา 1.75% ต่อปี 

4. ผู้ประกอบการ SMEs ประเภทนิติบุคคล หรือ Smart Biz มีวงกรอบวงเงินจำนวน 15,000 ล้านบาท สามารถกู้ไก้รายละ 20,000 ถึง 40 ล้านบาท ยกเว้นค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก  ปีที่ 4 ถึงปีที่ 10 จ่ายค่าธรรมเนียมเพียงปีละ 1.25 %  ต่อปีเท่านั้น   

5. ประเภทของผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการเข้าสู่ปัจจัยยั่งยืน หรือ BCG Model มีกรอบวงเงินอยู่ 500 ล้านบาท สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทถึง 40 ล้านบาท ยกเว้นค่าธรรมค้ำประกัน 4 ปีแรก จากปีที่ 5 ถึงปีที่ 10 ชำระเพียง 1.5% ต่อปี  และ 

6.เป็นประเภทผู้ประกอบการ SMEs Smart Plus สำหรับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อความปลอดภันสูงสุด  ที่มีกรอบวงเงินจำนวน 500 ล้านบาท  สามารถกู้ได้ตั้งแต่ 1 ล้านบาทถึง 10 ล้านบาท ยกเว้นค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก  จากปีที่ 3 ถึงปีที่ 10 ชำระเพียงปีละ 1% เท่านั้น

กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวต่อว่า ภายใต้วิสัยทัศน์”เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเงินทุนและโอกาสให้แก่ SMEs  เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” และนโยบายขับเคลื่อนองค์กรก้าวทะยานไปข้างหน้า ด้วยยุทธศาสตร์ การดำเนินงานปี 2566 -2570 บสย.ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์  3 Ns  คือ 

1. New Culture  ก้าวสู่องค์กรวัฒนธรรมใหม่ ”บสย. Fast & First รวดเร็ว รอบคอบ ที่หนึ่งในใจ SMEs” รวดเร็วเหมือน Fintech Commpany และรอบคอบเหมือนสถาบันการเงิน  

2.New Engine การพัฒนาผลิตภัณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อเฉพาะกลุ่ม  และ 

3. New Business Model ด้วย Digitaql Platfonm พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน Digital Gateway เชื่อมโยงธุรกรรมอีเลคทรอนิกส์ระบบต่างๆร่วมกยสถาบันการเงิน