คริปโตมายด์ ดันไทยสู่ฮับสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาค

14 เม.ย. 2566 | 13:55 น.
อัปเดตล่าสุด :14 เม.ย. 2566 | 14:10 น.

คริปโตมายด์ ชี้ตลาดคริปโตไทยโตต่อเนื่อง ระบบนิเวศครบถ้วน ปี 65 บัญชีลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำนวน 2.9 ล้านบัญชี มูลค่าการลงทุนประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท พร้อมผลักดันสู่ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาค

นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาด้านบล็อกเชนและการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่าปัจจุบันโอกาสสำหรับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีการเปิดบัญชีลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำนวน 3-5 ล้านบัญชี มูลค่าการลงทุนประมาณ 1.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีบัญชีลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำนวน 2.9 ล้านบัญชีมูลค่าการลงทุนประมาณ 111 พันล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.7 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นมากกว่า 3000%

คริปโตมายด์ ดันไทยสู่ฮับสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาค

“คนไทยมีความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลและมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น ประกอบการมีกฎหมายที่สนับสนุนธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล มีหน่วยงานออกกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลพร้อมจะรับฟังและปรับปรุง ให้ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยส่งเสริมธุรกิจมากขึ้นในอนาคต”

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีระบบนิเวศอุตสาหกรรมคริปโต Crypto Ecosystem ที่ครบถ้วน คอยซัพพอร์ทตั้งแต่ศูนย์แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange), ICO Portal, Broker, Dealer, Fund Manager, Advisory, DeFi, NFT, GameFi, Metaverse, Media, Community, KOL, Miner, Software House, VC, Accelerator ครอบคลุมอุตสาหกรรมบล็อกเชน อีกทั้งมีช่องทางต่างๆ ในการโปรโมทธุรกิจประเทศไทยทั้งสื่อ (Media) และInfluencer ให้เลือกได้หลากหลาย

คริปโตมายด์ ดันไทยสู่ฮับสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาค

จากงาน Blockchain Thailand Week ที่จัดขึ้นในปีที่ผ่านมา จากผู้เข้าร่วมงานกว่า5,000 คน พิสูจน์ได้ว่าคนไทยให้ความสนใจในคริปโทเคอร์เรนซี มากขึ้น ถือเป็น Blockchain Week ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของ SEA โดยคริปโตมายด์กำลังผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัล ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Digital Asset Hub in SEA) และกำลังได้รับความสนใจจากต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัททั้งในและต่างชาติที่จะสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลักดันธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลร่วมกันผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมจัดขึ้นมากมายในปีนี้ ทั้งยังมีหน่วยงานเอกชนที่ร่วมช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Digital Asset Hub in SEA เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจได้เพิ่มในอนาคต

ด้านนายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่  จำกัด กล่าวเสริมว่า ในปีนี้เป็นปีที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “บิตคอยน์ (Bitcoin)” ที่มีแนวโน้มที่ดีอย่างเห็นได้ชัดเพราะโดยดั้งเดิมแล้ว บิตคอยน์ ถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงที่มักจะได้รับผลกระทบไปในทางเดียวกับตลาด Macro แต่หลังจากวิกฤต ความเชื่อมั่นของธนาคารทำให้เกิดแรงหนุนในเชิงจิตวิทยา ทำให้เป็นครั้งแรกที่บิตคอยน์ได้พิสูจน์ตัวเองตามจุดประสงค์ในการกำเนิดที่ต้องการเป็นระบบทางการเงินทางเลือก ส่งผลให้เกิดสภาวะที่ราคาบิตคอยน์วิ่งใน ทางตรงกันข้ามกับตลาด และถึงหากเราพิจารณาถึงมุมมองเดิมที่บิตคอยน์ เป็นสินทรัพย์เสี่ยง การที่สหรัฐทำการอัดฉีดเงินเข้าในตลาด จะส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงเช่นเดียวกัน

โดยปัจจุบันตลาด Crypto currency ยังอยู่ในภาวะตลาดหมี (Bear Market) แต่อาจจะเรียกได้ว่า เราผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้วจาก Oversold Signal ในช่วงปลายปี 2022 ในขณะที่ดัชนีค่า MVRV ของ Bitcoin ยังอยู่ที่ 1.12 ซึ่งยังเป็นค่าที่ตํ่าอยู่ จากการคาดการณ์เราคาดว่าในปีนี้เราจะยังไม่เข้าสู่ตลาดกระทิง แต่จะเป็นการค่อยๆ ไต่ระดับของ Bitcoin Dominance ในตลาดระยะยาวไปจนกว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 60% จึงอาจจะเข้าสู่ตลาดกระทิงได้

ในแง่การพัฒนาการต่างๆ ในทุกๆ Sector ก็น่าจับตามองโดยเฉพาะการพัฒนาและอัพเกรดของ Ethereum ที่สร้างรายได้จนเข้าสู่ Defationary ตลาด GameFi ที่แม้จะซบเซามากที่สุดในปีที่ผ่านมา แต่กลับมีเงินลงทุนเยอะที่สุดในปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกันและสุดท้ายคือการ Tokenization ที่ได้มีการนำพันธบัตรสหรัฐมาทำเป็น Token ในโครงการ Ondo Finance ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุน Blackrock

ด้านนายมานะ คานิโยว Head of Commercial & Investment Consultant บริษัท เมอร์เคิลแคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า สินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสินทรัพย์ ประเภทใหม่ และยังมีมูลค่าตลาดโดยรวมที่ค่อนข้างเล็กหากเปรียบเทียบ กับตลาดอื่นที่มีอยู่ จึงมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อพัฒนาการของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความรู้ ความเข้าใจ จึงมีความจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

การลงทุนในสินทรัพย์ทาง เลือกเพื่อให้ได้กำไรอย่างยั่งยืน จึง ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเพื่อบริหารและกระจายความเสี่ยง (Rebalancing & Risk Management) กลยุทธ์การลงทุนอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้งาน ป้องกันรหัสสูญหายหรือถูกแฮ็กจากการโอนสินทรัพย์ ดิจิทัลที่ผิดพลาด โดน Scam หรือ Phishing จากเว็บปลอมออนไลน์ หรือรับรู้ข่าวสารที่เป็นอันตรายต่อพอร์ตอย่างล่าช้า เช่น กรณี FTX ล่มสลายทำให้ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ทัน