"ธนาคาร" มีความมั่นคงแค่ไหน พิจารณาจากอะไรบ้าง ดูตรงนี้

17 มี.ค. 2566 | 06:35 น.
1.9 k

"ธนาคาร" มีความมั่นคงแค่ไหน ฝ่ายวิเคราะห์สถาบันการเงิน สถาบันคุ้มครองเงินฝาก(สคฝ.) ให้แนวทางการพิจารณาไว้ อยู่ในเกณฑ์เหล่านี้ไม่ต้องกังวล

ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาต่อธนาคารที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกา และยุโรป จากการที่ธนาคารหลายแห่งประสบปัญหาจากการบริหารความเสี่ยง ทำให้ทั้งผู้ฝากเงิน และนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในธนาคาร นำมาสู่ปรากฏการณ์แห่ไปถอนเงิน (BANK RUN) ของลูกค้าที่ฝากเงิน หรือ การเทขายหุ้นของนักลงทุน จนต้องจับตาดูว่า จะกลายเป็นโรคระบาดทางเงิน หรือ Financial contagion หรือไม่

สำหรับการพิจารณาถึงความเข้มแข็งของสถาบันการเงินนั้น ฝ่ายวิเคราะห์สถาบันการเงิน สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ได้ให้รายละเอียดถึงอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของธนาคาร ซึ่งจำเป็นต่อการประเมินความเข้มแข็ง และความมั่นคงของกิจการ ตามมิติต่าง ๆ ดังนี้

ความสามารถในการทำกําไร

Net Interest Margin (NIM) เป็นเครื่องบ่งชี้กําไรของธนาคาร สะท้อนให้เห็นว่าบนพื้นฐานของสินทรัพย์ที่ธนาคารมีอยู่ สามารถสร้างส่วนต่างของดอกเบี้ยได้เท่าไร โดยพิจารณาจากส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยรับ (ธนาคารมีรายได้จากการปล่อยสินเชื่อ) และดอกเบี้ยจ่ายทั้งหมด (ต้นทุนรายจ่ายจากการรับเงินฝาก) ครอบคลุมทั้ง สินเชื่อและเงินฝากเงินให้กู้และเงินกู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน รวมถึงเงินลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้

Cost to Income Ratio คือ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม สะท้อนถึงความสามารถ ในการบริหารค่าใช้จ่ายว่าธนาคารสามารถคุมต้นทุนได้ดีหรือไม่ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของธนาคาร อาทิ เงินเดือน พนักงาน ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ เป็นต้น หากเป็นธุรกิจทั่วไปก็จะดูจาก Operating Expense Ratio หรืออัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้

คุณภาพสินทรัพย์และเงินกองทุน

BIS Ratio คือ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง เป็นอัตราส่วนที่บ่งบอกถึงความมั่นคงของธนาคาร ซึ่งธนาคารจำเป็นต้องมีเงินกองทุนในอัตราส่วนที่เพียงพอรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเพื่อสร้างความ มั่นใจแก่ผู้ฝากเงิน และเจ้าหนี้ว่าธนาคารสามารถที่จะจ่ายคืนเงินฝากแก่ผู้ฝากเงิน และสามารถชําระคืนเงินกู้แก่เจ้าหนี้ ได้เต็มจำนวน และเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต 

โดยปัจจุบันเงินกองทุนที่ธนาคารต้องดำรงอยู่ที่ 11% (อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 กําหนดไว้ที่ 8.5% + Conservation Buffer 2.5%) แต่หากเป็นธนาคารที่มีนัยสําคัญต่อระบบสถาบันการเงินให้ดำรงเงินกองทุนที่ 12%

NPL Ratio คือ อัตราส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวม เป็นตัวเลขที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการชําระหนี้ของลูกหนี้ธนาคาร ว่าสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยกู้ ลูกหนี้สามารถชําระหนี้ได้มากน้อยเพียงใด หาก NPL Ratio เพิ่มสูงขึ้น แสดงว่าลูกหนี้จํานวนมากของธนาคารผิดนัดชําระหนี้ นอกจากนี้ ตัวเลข NPL Ratio ยังสะท้อนสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจ หากลูกหนี้ไม่สามารถชําระหนี้ให้กับธนาคารได้พร้อมกันเป็นจํานวนมาก อาจสะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจอาจมีปัญหา จึงทําให้ลูกหนี้ไม่มีความสามารถที่จะชําระหนี้ได้

สภาพคล่อง

LCR (Liquidity Coverage Ratio) คือ อัตราส่วนของปริมาณสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งสิ้น (Total HQLA) ต่อประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิใน 30 วัน (Total Net Cash Outflows) สําหรับใช้ บ่งชี้ว่าธนาคารมีสินทรัพย์สภาพคล่องเพียงพอรองรับเงินไหลออกในภาวะวิกฤตได้ยาวนานถึง 30 วันหรือไม่ โดยอัตราส่วน LCR ควรมีค่าไม่ต่ำกว่า 100%

Loan to Deposit Ratio (L/D Ratio) คือ ปริมาณสินเชื่อต่อยอดเงินฝาก หากอัตราส่วนนี้ อยู่ในระดับสูงจะแสดงให้เห็นว่าธนาคารมีการปล่อยเงินให้สินเชื่อมากเมื่อเทียบกับเงินฝาก หากอัตราส่วนนี้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 100% ธนาคารอาจเกิดภาวะสภาพคล่องตึงตัว จนไม่สามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด อาทิ การแห่ถอนเงินฝาก เป็นต้น

นอกจากนี้ยังสามารถพิจารณาเพิ่มเติมได้จาก งบการเงินที่เผยแพร่ตามเว็บไซต์ของธนาคาร