สื่อนอกตีข่าว"ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป"เล็งขายกิจการ เรด ล็อบสเตอร์

10 มี.ค. 2566 | 20:38 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2566 | 20:57 น.
868

สื่อนอกตีข่าว"บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป" หรือ TU เล็งถอนตัวจากธุรกิจ Red lobster หลังเข้าซื้อถือหุ้นไม่ถึง 3 ปี เหตุขาดทุนอ่วม โดยไตรมาส 4/65 ขาดทุนกว่า 340 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ปรับตัวลง ก่อนปิดตลาดซื้อขายวันนี้ (10 มี.ค. 66) ปรับร่วง 3.33% หรือลดงลง 0.50 บาท มาอยู่ที่ราคา 14.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,503.46 ล้านบาท ระหว่างวันราคาปรับสูงสุด 15.00 บาท และต่ำสุด 14.10 บาท 

ราคาหุ้น TU ปรับลดลง เนื่องจากตลาดกังวลการตั้งสำรอง หากบริษัทฯมีการขาย Red lobster ตามที่สื่อต่างประเทศรายงาน 
 

สื่อนอกตีข่าว\"ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป\"เล็งขายกิจการ เรด ล็อบสเตอร์

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (10 มี.ค.) ว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากธุรกิจ"เรด ล็อบสเตอร์ (Red Lobster)" ซึ่งเป็นเชนภัตตาคารอาหารทะเลรายใหญ่ของสหรัฐที่ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก หลังจากที่ TU เพิ่งเพิ่มการถือหุ้นในเรด ล็อบสเตอร์ได้ไม่ถึง 3 ปี
          
ทั้งนี้ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TU ระบุว่า ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะชี้ชัดว่า การเปลี่ยนแปลงด้านการบริหารและการยกเครื่องการดำเนินงานจะช่วยลดภาวะขาดทุนของ เรด ล็อบสเตอร์ได้หรือไม่ โดยธุรกิจดังกล่าวประสบปัญหาขาดทุนถึง 9.8 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ซึ่งฉุดผลประกอบการของ TU ลงด้วย แม้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของธุรกิจอาหารสัตว์และกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปก็ตาม

อย่างไรก็ดี แม้จะยังไม่ได้สรุปการตัดสินใจเรื่องถอนการลงทุนในเรด ล็อบสเตอร์ แต่นายธีรพงศ์ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า "ไทยยูเนี่ยน ไม่เคยยื้อธุรกิจที่ขาดทุน" โดยที่ผ่านมา บริษัท ฯ ก็เคยตัดสินใจปิดโรงงานที่ไม่ทำกำไรมาแล้วหลายแห่ง
          

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุถึงภาพรวมราคาหุ้นที่ปรับลง มาจากประเด็นข่าวจาก Bloomberg ที่มีการกล่าวถึง เรื่องของโอกาสในการออกจากธุรกิจ Red Lobster หาก Red Lobster ไม่สามารถทำตามพันธสัญญา คือ EBITDA ที่รวม 60 ล้านเหรียญฯ ภายในช่วง ธ.ค.65 – พ.ค.66 และผลการดำเนินในไตรมาส1/66 ไม่สดใส

ทั้งนี้ ประเด็นหลักน่าจะเป็นเรื่อง Red Lobster คือ ในกรณีที่ Red Lobster ไม่สามารถทำตามพันธสัญญาดังกล่าวได้ จะทำให้ TU อาจจะต้องมีการตั้งสำรองเงินค้ำประกันที่มีให้กับ Red Lobster คิดเป็นมูลค่า 65 ล้านเหรียญฯ (2.3 พันล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นราว 30% ของกำไรปี 2566

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบจากทางบริษัท ปัจจุบันผลการดำเนินงานของบริษัทที่ผ่านมา ยังทำได้ตามเป้าหมายที่ระบุไว้อยู่ ซึ่งประเด็นข่าวนี้มีการกล่าวถึงในที่ประชุมอยู่แล้ว แต่น่าจะมีการย้ำผ่าน Bloomberg ออกมา ทำให้ตลาดกลับมามีความกังวลอีกครั้ง