"เศรษฐา ทวีสิน" โอนหุ้น ศุภสิริ โฮลดิ้ง เปิดทางลุยการเมือง

09 มี.ค. 2566 | 16:32 น.
อัปเดตล่าสุด :09 มี.ค. 2566 | 17:33 น.
552

"เศรษฐา ทวีสิน" โอนหุ้น บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด ให้ "นพพร บุญถนอม" กรรมการบริหาร “แสนสิริ” ทั้งหมด พร้อมลุยการเมืองเต็มตัว

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 มี.ค.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ได้โอนหุ้น บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น จำนวน 9,998 หุ้น ไปให้ นายนพพร บุญถนอม กรรมการบริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด

ล่าสุดในวันนี้ (9 มี.ค. 66) นายเศรษฐา ได้ออกมายื่นยันกับผู้สื่อข่าว ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโอนหุ้นดังกล่าวอีกครั้ง ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ณ สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย โดยระบุสั้นๆว่า บริษัทนี้มีการก่อตั้งมานานแล้ว

แต่ไม่ได้ทำอะไรจึงโอนให้ นายนพพร ไป เพราะจะไปเข้าการเมือง และเพื่อเป็นการแสดงความชัดเจนว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้ ซึ่งการโอนหุ้นของบริษัทดังกล่าวนั้นเป็นการซื้อขาย

บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด จดทะเบียนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 ด้วยทุน 1 ล้านบาท ประกอบการธุรกิจลงทุน และหรือเข้าร่วมลงทุน

ผู้ถือหุ้นก่อตั้ง 3 รายประกอบด้วย

  1. นายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้น 9,998 หุ้น 
  2. นายนพพร บุญถนอม ถือหุ้น 1 หุ้น 
  3. น.ส.จินดา เอี่ยมศริยารักษ์ ถือหุ้น 1 หุ้น

โดยในการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด นายนพพร เป็นผู้ยื่นจดทะเบียนจองชื่อนิติบุคคลต่อนายทะเบียนหุ้นบริษัท กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 

สำหรับงบการเงินปี 2564 ของ บริษัท ศุภสิริ โฮลดิ้ง จำกัด

สินทรัพย์รวม 606,975 บาท 
รายได้รวม 186 บาท 
ขาดทุน 11,816 บาท

จากการตรวจสอบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 ส.ค. 2565 พบว่า นายเศรษฐา ถือหุ้น แสนสิริ จำนวน 661,002,734 หุ้น คิดเป็น 4.44% เมื่อคำนวณจากราคาหุ้น ณ วันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ราคาปิด 1.86 บาทต่อหุ้น จะมีมูลค่ากว่า 1,229.46 ล้านบาท

ในปี 2565 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ได้รับเงินปันผลจากการดำเนินงานของแสนสิริในปี 2564 อัตรา  0.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 66.1 ล้านบาท

ขณะที่ปี 2566 ล่าสุดแสนสิริ ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2565 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 อัตรา 0.11 ต่อหุ้น ซึ่งนายเศรษฐา จะได้รับ 72.7 ล้านบาท

แหล่งข้อมูลที่มา : สำนักข่าวอิศรา