‘อนันดา’ จ่อออกหุ้นกู้ 2 รุ่น ดอกเบี้ยสูงสุด 5.90%
‘อนันดา’ เตรียมออกหุ้นกู้ 2 รุ่น อายุ 1 ปี 10 เดือน 5 วัน และอายุ 2 ปี 10 เดือน 5 วัน ดอกเบี้ยระหว่าง 4.50 - 5.90%ต่อปี คาดเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป 7-9 มีนาคม 2566
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นข้อมูลเพื่อเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย
- รุ่นอายุ 1 ปี 10 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.50 - 4.70% ต่อปี
- รุ่นอายุ 2 ปี 10 เดือน 5 วัน อัตราดอกเบี้ย 5.70 - 5.90% ต่อปี
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน (เว้นแต่ดอกเบี้ยงวดสุดท้ายจะมีระยะเวลา 1 เดือน 5 วัน) โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ระดับ “BBB-” และมีแนวโน้ม “คงที่” (Stable) เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร
หุ้นกู้ชุดดังกล่าวจะเสนอขายผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่งที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย โดยคาดว่าจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 7 – 9 มีนาคม 2566 ประกอบด้วย
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด
- บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
“บริษัทฯมั่นใจว่า หุ้นกู้ ‘อนันดา’ จะยังคงได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งในระดับลงทุน (Investment grade) รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจ ตลอดจนอายุของหุ้นกู้ที่ไม่ยาวเกินไป”นายชานนท์กล่าว
นายชานนท์กล่าวต่อว่า ส่วนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นมาจากแนวโน้มของธุรกิจที่ขณะนี้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว โดยมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรัฐบาลจีนตัดสินใจเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาดไว้
ทำให้คาดว่าจะมีชาวจีนเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น และส่งผลให้กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มลูกค้าต่างชาติจะเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าคนไทยยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ขณะที่ทริสเรทติ้ง ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้สะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม ตลอดจนสัดส่วนรายได้ที่มีนัยสำคัญจากโครงการร่วมทุน
ทริสเรทติ้งคาดว่า ในช่วงปี 2566 - 2568 กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งรวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.5-2.0 พันล้านบาทต่อปี และบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป