“กรุงไทย”ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย 0.10%ต่อปี

31 ม.ค. 2566 | 15:33 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2566 | 15:40 น.

กรุงไทย ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย 0.10% ต่อปี ส่วนรายใหญ่ปรับขึ้น 0.15%-0.20%ต่อปี พร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.25%ต่อปี มีผล 1 ก.พ.66

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า ธนาคารปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย ชั้นดี (MRR) 0.10% ต่อปีเป็น 6.87%ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เพิ่มขึ้น 0.20% ต่อปี เป็น 6.35% ต่อปีและปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เพิ่มขึ้น 0.15% ต่อปี เป็น 6.87% ต่อปี

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05%-0.25% ต่อปี  เพื่อส่งเสริมการออม สร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้นในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์  2566 เป็นต้นไป 

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ที่มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และได้ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของประเทศ ธนาคารจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สะท้อนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ และต้นทุนการเงินในระบบที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้พิจารณาอย่างรอบคอบและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ฝากเงิน และกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับมาเป็นปกติและอ่อนไหวต่อภาระค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งนโยบยการปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปอย่างเหมาะสม เพื่อให้เวลาลูกค้าปรับตัว และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ

นายผยงกล่าวต่อว่า ธนาคารยืนหยัดดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด พร้อมสนับสนุนให้เกิดการเร่งปรับตัวอย่างต่อเนื่อง รองรับการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ จากปัจจัยความท้าทายรอบด้าน ผ่านมาตรการความช่วยเหลือแบบเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าได้รับความช่วยเหลือแบบตรงจุดและทันท่วงที

นอกจากนั้นยังมีมาตรการช่วยเหลือพิเศษเพื่อแก้หนี้อย่างยั่งยืน สำหรับลูกค้าประเภทบุคคลและลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย ทั้งลดอัตราดอกเบี้ย ลดค่างวดการชำระหนี้แบบ Step Up พักชำระเงินต้นและชำระเฉพาะดอกเบี้ย  ขยายระยะเวลาชำระหนี้เปลี่ยนประเภทหนี้ วงเงินกู้หมุนเวียน (Revolving Loan) เป็นวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา (Term Loan) ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการเพิ่มสภาพคล่อง

“การพิจารณาลูกค้าแต่ละรายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด  โดยธนาคารจะเสนอแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้และความเสี่ยงของลูกค้า”นายผยงกล่าว