แรงหนุนท่วมตลาด ดันซื้อขายทองคำคึกคัก

13 ม.ค. 2566 | 13:02 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ม.ค. 2566 | 20:03 น.

ตลาดทองคำคึกคัก ไตรมาสแรกปี 66 รับแรงหนุนจีนเปิดประเทศ ตรุษจีน แถมบริษัทหันมาจัดกิจกรรม นายกสมาคมค้าทองคำมอง กรอบ Gold Spot ที่ระดับ 1,700-1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวโน้ม Side way Up แนะทยอยสะสม

การออกมาส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณบวกต่อราคาทองคำที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาทองอยู่ในทิศทางขาขึ้น

 

ขณะที่ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นยังหนุนราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดเริ่มระมัดระวังภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ราคาทองคำในประเทศเปิดศักราชปี 2566 เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 โดยทองคำแท่งเคลื่อนไหวที่ราคา 29,950 บาทเทียบจาก 29,750 บาทในวันสิ้นปี 30 ธันวาคม 2565 และราคาทองคำรูปพรรณ 30,450 บาทจาก 30,250 บาท ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2565 ขณะที่ราคาทองคำนิวยอร์คเปิดตลาดที่ระดับ 1,831.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จาก 1,826 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับเมื่อสิ้นปี 2565

 

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ต้นปี 2566 ราคาทองคำน่าจะมีโอกาสแตะใกล้ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศอาจจะใกล้ระดับ 30,000 บาทต่อ 1 บาททองคำ โดยมีปัจจัยบวกทั้งจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้น เทศกาลตรุษจีนที่ปีนี้มาเร็วและปัจจัยดอกเบี้ยของเฟด

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ

ทั้งนี้ต้องรอดูท่าทีของเฟดในเดือนกุมภาพันธ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหรือสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ หากเฟดยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นได้ ซึ่งภาพรวมตลาดก็คาดว่า ราคาทองคำยังเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเงินบาทมีแนวโน้มจะแข็งค่า ซึ่งจะทำให้ซื้อทองคำได้ในราคาถูกลง

 

ส่วนปีที่แล้ว ราคาทองคำแท่งในประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 32,100 บาทจากปัจจัยสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนและเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งในแง่การลงทุนนั้น ช่วงนี้ยังเป็นจังหวะลงทุนได้ แนวโน้มราคาทองคำน่าจะดี โดยต้นปีนี้เริ่มเห็นกำลังซื้อทองคำรูปพรรณคึกคักขึ้นจากปีที่แล้ว เพราะรายย่อยซื้อให้เครือญาติและเก็บออม

 

ขณะที่รายใหญ่ทั้งกลุ่มห้างร้าน บริษัทจะซื้อทองคำทำโปรโมชั่น หลังจากสถานการณ์ปีนี้ดีขึ้นจากปีก่อนทั้งปีที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว และยังมีการระบาดของโควิด-19 เป็นระยะ รวมถึงเกิดน้ำท่วมด้วย ส่งผลกดดันกำลังซื้อทองคำกลุ่มรายใหญ่ ทำให้ภาพรวมตลาดไม่ดี สำหรับร้านทองจินฮั้วเฮงก็จะฉลองครบรอบ 42 ปีในปีนี้ โดยจะจุดโปรโมชั่นไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

 

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มราคาทองคำปี 2566 ไตรมาสแรกราคาทองยังคึกคัก โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งจากจีนเปิดประเทศและการเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะตามมา ส่วนปัจจัยเฟดจะสิ้นสุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายน่าจะหลังไตรมาส 1 ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำน่าสนใจต่อเนื่อง ถ้ามีประเด็นเศรษฐกิจต่างประเทศถดถอยที่ตามมา

นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มฮั่วเซ่งเฮง

 

เบื้องต้นประเมินการเคลื่อนไหวราคาทองคำ(Gold Spot) มีแนวโน้มบวกขึ้นจากอุปสงค์ของทางอินเดียที่เศรษฐกิจเติบโตแรงต่อเนื่องและจากจีนที่คาดว่า รัฐบาลจะต้องออกนโยบายเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เพื่อชดเชย 3 ปีที่เสียไปกับโควิดและลดกิจกรรมภายในประเทศ

 

ทั้งนี้คาดว่า มีโอกาสเห็น Gold Spot จะอยู่ในกรอบ 1,700-1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวต้านที่ 1,900 ดอลลาร์ค่อยมาติดตามกันอีกครั้ง ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศประมาณ 30,500 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งอยู่ในจุดปรับขึ้นจากปีที่แล้วแต่ไม่ปรับขึ้นมาก เหตุคนมองเป็นขาลงจากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ปีนี้เงินดอลลาร์อาจจะอ่อนค่า โดยปีนี้ราคาทองคำยังปรับขึ้นระยะสั้นและปานกลาง

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามในยุโรป หลังประเด็นรัสเซียและยูเครนแล้ว ยังมีเรื่องเศรษฐกิจจากปัจจัยเงินเฟ้อที่กดดันเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้น ทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้ ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปและรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ดีขึ้น แนวโน้มยุโรปยังน่าห่วง ซึ่งราคาทองคำอาจขึ้นต่อได้ยากหรือช้าลง แม้ดอลลาร์จะอ่อนช่วยก็ตาม

 

“สิ่งที่คนเทรดทองคำต้องคิดหนักไม่ใช่ราคาSpotจะปรับขึ้นหรือลดลงแต่ปัจจัยเงินบาทยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาว่าจะแข็งค่าถึงระดับไหน” นายธนรัชต์กล่าว

 

นายธนรัชต์กล่าวต่อว่า ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นจากแรงซื้อที่เข้ามาทั้งจากจีนเปิดประเทศและเทศกาลตรุษจีน ส่วนนักลงทุนทะยอยสะสมตั้งแต่ปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ เพราะหลังจากไตรมาสแรกหมดไป ตลาดยังคาดการณ์เฟดเริ่มทรงดอกเบี้ยในระดับสูงแม้จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ ซึ่งจะทำให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาอยู่ต่อเนื่อง

 

“ปีนี้ราคาทองคำ เป็นไซด์เวย์อัพ แต่ต้องจับตาเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่า เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จะมีผลต่อเงินบาทได้”นายธนรัชต์ กล่าวสรุป

 

หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,852 วันที่ 12 - 14 มกราคม พ.ศ. 2566