ปี 66 คาดส่งออกชะลอตัว "EXIM BANK" แนะทางรอดผู้ประกอบการ

28 ธ.ค. 2565 | 11:34 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ธ.ค. 2565 | 18:34 น.

EXIM BANK คาดส่งออกปี 66 ชะลอตัว เหลือ 1-2% ตามสถานการณ์ตลาดโลก แนะ 3 ทางรอดผู้ประกอบการ ปรับตัวรุกตลาดที่มีศักยภาพ พัฒนาสินค้าตามเทรนด์โลกยุคใหม่

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยทั้งปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวเพียง 1-2% ชะลอลงจาก 7-8% ในปี 2565 เนื่องจากอุปสงค์ในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญ ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด 

 

ขณะเดียวกัน ปัญหา Global Supply Chain Disruption แม้จะคลี่คลายลงบ้าง แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีต่อเนื่องยังคงจะกดดันการส่งออกไทยในระยะถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องที่ราว 3.5% สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าจะชะลอลงเหลือ 2.7% ต่ำสุดในรอบ 21 ปี (ไม่รวมปีที่เกิดวิกฤต) โดยไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในภูมิภาคที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ด้วยแรงขับเคลื่อนสำคัญจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน 

 

"เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาไทยมากกว่า 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน รวมถึงแรงหนุนจากอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีตามการเพิ่มขึ้นของรายได้เกษตรกรและการจ้างงานในภาคบริการที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว"

 

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ผู้ประกอบการไทยยังมีทางรอด เพื่อคว้าโอกาสในตลาดที่ยังมีพื้นที่สำหรับสินค้าไทย ได้แก่

 

1. การรุกส่งออกไปยังตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และตะวันออกกลาง อาทิซาอุดีอาระเบีย ซึ่งในช่วง 10 เดือนแรก ปี 2565 การส่งออกของไทยไปตลาดดังกล่าวเติบโตกว่า 15% และ 26% ตามลำดับ

 

2. การส่งออกสินค้าที่เติมเต็มช่องว่างทางการตลาด เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว อาทิ อาหาร ผลไม้เครื่องสำอาง เครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น และสินค้าไทยที่สามารถเจาะตลาดประเทศคู่ขัดแย้ง ทางการเมืองระหว่างประเทศ อาทิ การส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยไปทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ 

 

รวมทั้งการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเข้ามาในไทยมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์เป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทยในการแทรกตัวเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การผลิตแห่ง อนาคตได้อีกด้วย

 

3. การส่งออกสินค้าที่เกาะกระแสเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น กระแสรักษ์สุขภาพและกระแสรักษ์ สิ่งแวดล้อมที่กลายมาเป็น New World Order

 

"EXIM BANK พร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึงบุคคลธรรมดาที่ทำธุรกิจ ใช้โอกาสที่จะเข้ามาในปีหน้าขับเคลื่อนการพัฒนาธุรกิจให้เชื่อมโยงกับ Supply Chain ของโลก พัฒนากลยุทธ์และไลน์การผลิตสินค้าให้ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อม"