"นฤมล"ยก 7 เหตุผล เก็บภาษีขายหุ้นได้ไม่คุ้มเสีย

08 ธ.ค. 2565 | 09:09 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2565 | 16:40 น.

ภาษีขายหุ้นได้ไม่คุ้มเสีย “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" ยก 7 เหตุผล ชี้ทำรัฐเสียโอกาสรายได้ก้อนโตจากภาษีนิติบุคคล จากการเข้าระดมทุนในตลาดฯลดลง กระทบธุรกิจ-จ้างงาน

 

ภาษีขายหุ้น : จากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย. เห็นชอบการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ  ในอัตรา 0.10%  ตามหลักการที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในปีแรกจะจัดเก็บเพียงครึ่งหนึ่งหรือในอัตรา 0.055%  โดยจะออกเป็นร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่.. พ.ศ. ....และจะจัดเก็บเมื่อพระราชกฤษฎีกาประกาศในราชกิจจานุเบกษา

 

ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง  กล่าวเมื่อวานนี้ ( 7 ธ.ค. 65 ) ยืนยันเดินหน้านโยบายดังกล่าว โดยกล่าวว่า การเก็บภาษีขายหุ้น เป็นนโยบายที่กระทรวงการคลังได้เสนอครม. และผ่านความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่นักลงทุนรายย่อยจะมีการประท้วงต่อนโยบายดังกล่าวด้วยการหยุดการซื้อขายหุ้นในวันที่ 8 ธ.ค.นั้น เรื่องดังกล่าว เราคงไปห้ามเขาไม่ได้  

 

ทั้งนี้ แนวทางการจัดเก็บภาษีหุ้น ก็เป็นในแนวทางเดียวกันกับหลายประเทศ และไม่ได้จัดเก็บในอัตราที่เกินกว่าหลายประเทศจัดเก็บ ดังนั้น กระทรวงการคลังยังคงเดินหน้าในการจัดเก็บภาษีดังกล่าวต่อไป 
 

 

 

ล่าสุดวันนี้ (8 ธ.ค.65 ) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ " ระบุว่า  #ภาษีขายหุ้นที่จะได้ไม่คุ้มเสีย ในขณะที่ตลาดหุ้นทั้งในไทยและในต่างประเทศ ยังตกลงต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก การเก็บภาษีหุ้นจึงไม่เหมาะสม และได้ไม่คุ้มเสีย 

 

พร้อมยก 7 เหตุผล 

 

  • 1. ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงหนักจากเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจ
  • 2. ภาษีขายหุ้นจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง โดยกระทบนักลงทุนทุกประเภท รวมทั้งรายย่อยที่ลงทุนโดยตรงและลงทุนผ่านกองทุนรวม และนักลงทุนต่างประเทศ
  • 3. สภาพคล่องที่ลดลงจะส่งผลต่อผลประกอบการของทั้งอุตสาหกรรม และส่งผลต่อเม็ดเงินที่บริษัทใน real sector จะสามารถระดมทุนโดยการออกหุ้นสามัญเพื่อนำไปใช้ในการขยายกิจการ
  • 4. Market Maker หรือ ผู้ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลต่อนวัตกรรมของตลาดทุนไทย ทำให้เราแข่งขันกับตลาดทุนอื่นได้ยากขึ้น
  • 5. อัตรา 0.1% สูงพอๆกับที่ทั้งอุตสาหกรรม (โบรก ตลท ก.ล.ต.) จัดเก็บอยู่แล้วในรูปของค่าธรรมเนียมต่างๆ 
  • 6.มีการเก็บภาษีอื่นจากการขายหุ้นอยู่แล้ว  ทุกการซื้อขายหุ้น มีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) และภาษีรายได้จากเงินปันผล ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการซื้อขายหุ้น
  • 7.ที่ผ่านมา ตลาดทุนได้ทำหน้าที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาล เช่น การให้ความรู้ทางการเงิน การส่งเสริมให้ SME เข้ามาระดมทุน การจ้างงาน การเสียภาษีของอุตสาหกรรม 
     

 

นางนฤมล ระบุอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากจะเป็นแหล่งระดมเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการแล้ว ยังทำให้เกิดการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลนำส่งรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 80% ของบริษัทเอกชนที่เสียภาษีในประเทศไทย และยังทำให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทย มาเป็นเวลากว่า 48 ปี

 

รายได้ภาษีขายหุ้นที่รัฐคาดว่าจะได้รับประมาณ 1.6-2 หมื่นล้าน จะไม่คุ้มค่ากับผลลบที่จะเกิดกับตลาดทุน แหล่งระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่จะเติบโตเป็นฟันเฟืองทางเศรษฐกิจของประเทศ