ดร.นิเวศน์ กังวล ภาษีขายหุ้น สัญญาณอันตราย ของนักลงทุน

30 พ.ย. 2565 | 15:41 น.
อัปเดตล่าสุด :30 พ.ย. 2565 | 23:17 น.
1.8 k

ดร.นิเวศน์ นักลงทุนVI กังวล การเก็บภาษีขายหุ้น เป็นสัญญาณอันตราย ของนักลงทุน เตรียมหาตลาดใหม่หากตลาดหุ้นไทยไม่ต้องการเรา

จากกรณี ครม.มีมติเห็นชอบหลักการ “เก็บภาษีขายหุ้น”(ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะและกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ฉบับที่ .. พ.ศ. .... ) ไปเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2565 

 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า(VI) แสดงความเห็น ผ่านรายการ Billion money ว่า โดยส่วนตัวไม่ได้รับผลกระทบการเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% เนื่องจากเทรดน้อย แต่นี่คือสัญญาณอันตราย ว่าตลาดหุ้นไทย ไม่ได้เป็นมิตรกับนักลงทุน ทำให้เกิดความกลัวว่า วันใดวันหนึ่ง อาจมีการเก็บภาษีกำไรขายหุ้น (Capital Gain Tax) ซึ่งหากวันนั้นมาถึง จะเกิดการปั่นป่วนของตลาดหุ้นอย่างหนัก

 

“การเก็บภาษีขายหุ้น หากจะมองเรื่องหารายได้ และสร้างความเป็นธรรม ก็ต้องมองว่า คุ้มหรือไม่ ความเป็นธรรมมีอยู่จริงหรือไม่ อย่างเช่น ผู้ที่ได้ BOI ก็สามารถลงทุนได้โดยไม่เสียภาษี แบบนี้ก็ไม่เป็นธรรมเช่นกัน” ดร.นิเวศน์กล่าว พร้อมพูดถึงผลกระทบต่อไปว่า การเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% คาดว่าจะมีรายได้เข้ารัฐ หลักหมื่นล้านนั้น แต่หาก Volume หายไปจะเก็บได้ถึงตามเป้าหรือไม่

 

ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นไทย มีต่างชาติเข้ามาลงทุนถึง 50% และมีการใช้ robot trade เทรดทุกวัน กลุ่มนี้จะได้รับความเสียหาย และอาจเลือกขายหุ้น ไปเล่นที่อื่น นอกจากนี้ ยังกระทบกับกลุ่มโบรกเกอร์  , DR , Derivative Warrant (DW) ซึ่งอาจทำให้สินค้าตลาดทุนหายไป ซึ่งประเทศไทยเป็นระบบทุนนิยม โดยเฉพาะในตลาดหุ้น ที่ต้องมีการส่งเสริม ให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการลงทุน 

ดร.นิเวศน์กล่าวว่า โดยส่วนตัว ไม่ได้รับผลกระทบจากการเก็บ 0.1% เนื่องจาก เทรดน้อยแม้จะมีพอร์ตใหญ่ก็ตาม แต่ก็ต้องเตรียมตัว อาจมองหาตลาดต่างประเทศที่ไม่ต้องเสียอะไร หากตลาดหุ้นไทยไม่ต้องการเรา ก็ต้องมองหาที่ที่ดีกว่า 

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ในขณะที่คนอื่น อาจชะลอ หรือ เลิกไปเลย ซึ่งการเก็บภาษีขายหุ้น ถือเป็นสัญญาณอันตราย ที่ทำให้กลัวว่า วันใดวันหนึ่ง อาจมีการเก็บภาษีกำไรขายหุ้น (Capital Gain Tax) “หากเป็นเช่นนั้น นักลงทุนVI ตาย เนื่องจากกำไร 10 เท่า เริ่มจากทุนนิดเดียว แต่วันขายต้องเสียเงินมหาศาล หรือ เจ้าของหุ้น (หุ้นพาร์) ที่ได้รับผลกระทบมหาศาล ทั้งที่ลงทุนมาเป็นสิบๆปี วันขายไม่เหลืออะไร รัฐเอาเงินไปหมด ทำให้คนจะไม่เอาหุ้นเข้าตลาด เนื่องจากไม่มีประโยชน์

 

ดร.นิเวศน์ กล่าวถึงการเมืองที่มีผลต่อตลาดหุ้นว่า โดยมากนโยบายลักษณะนี้ จะออกมาจากแนวคิดแบบราชการ ที่มาคุมคลัง ไม่เข้าใจระบบธุรกิจ ไม่ได้ออกมาจากฝ่ายการเมืองที่ต้องคำนึงถึงเสียงโหวตของประชาชน หรือไม่การเลือกตั้งครั้งหน้า อาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพรรคการเมืองอย่างมาก จนไม่สามารถระบุได้ว่า นโยบายนี้เป็นของพรรคการเมืองใด ทั้งนี้ ไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ว่าจะมีการเก็บภาษีขายหุ้นแล้ว เนื่องจากเข้าใจว่า เรื่องนี้ ได้จบไปแล้ว ซึ่งการจะประกาศมาตรการเช่นนี้ ควรแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้นักลงทุนได้มีการเตรียมตัว ซึ่งครั้งนี้ ยังถือว่า มีเวลาให้เตรียมตัวอยู่บ้าง

ซึ่งกลุ่มนักลงทุนเอง ก็ต้องมีความเข้มแข็ง และตระหนักในคุณค่าของตนเอง ว่า ตลาดหุ้น ตลาดทุน เป็นกลไกส่งเสริมการพัฒนาประเทศ จากการที่บริษัท สามารถระดมทุนได้ และทำให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้จริง ตั้งแต่ระบบให้บริการโทรศัพท์ มาจนถึงการสร้างโครงการต่างๆ รถไฟฟ้าหลายสาย ก็เกิดจากการที่ภาคเอกชนสามารถระดมทุนในตลาดหุ้นได้ ไม่ใช่เพียงพื้นที่เข้ามาแสวงหากำไรของนักลงทุนแต่เพียงอย่างเดียว