YLGเผย 3ปัจจัยหนุนคนไทยสะสมทองคำดันพอร์ตรายย่อยโต67%

28 พ.ย. 2565 | 13:45 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2565 | 21:18 น.

YLGชี้คนไทยสะสมทองคำมากขึ้นดัน พอร์ตรายย่อยโต 67 % หนุนการตอบรับบริการออมทอง – เทรดทองกับ YLG ผ่าน Gold Wallet บนแอปฯเป๋าตัง

วายแอลจี เผยปีนี้คนไทยสนใจการสะสมทองคำมากขึ้น ชู 3 ปัจจัยหนุน พร้อมแนะจังหวะเก็งกำไรทองคำระยะสั้นซื้อ-ขายในกรอบ 30,000-29,000 บาทต่อบาททองคำ


นางพวรรณ์   นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่าในปีนี้คนไทยหันมาสนใจการสะสมทองคำมากขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ที่เติบโตขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจากลูกค้าบริการออมทอง ผ่าน บริการออมทอง “YLG GOLD SAVING” และบริการเทรดทองคำ 99.99% กับ YLG ผ่านฟีเจอร์ Gold Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง 2 บริการนี้ถือเป็นบริการที่เข้าถึงคนไทยทั่วทั้งประเทศ

 

เนื่องจากวายแอลจีเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง โดยเน้นไปที่บริการในรูปแบบออนไลน์

 

และปรับรูปแบบการซื้อขั้นต่ำด้วยเงินลงทุนไม่มากเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงทองคำให้กับนักลงทุนทุก Generation สามารถรองรับการซื้อขายทองคำได้ในทุกที่ ทุกเวลา ผ่านสมาร์ตโฟน

สำหรับบริการออมทอง YLG GOLD SAVING เป็นบริการที่กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 100 บาท ในรูปแบบการออมสะสม เป็นบริการได้รับการตอบรับดีเกินคาด

 

เนื่องจากYLG เล็งเห็นความสำคัญจึงเปิดตลาดราคาทอง เพื่อตอบโจทย์ให้นักลงทุนสามารถออมทองในวันหยุดได้  ซึ่งผู้ออมสามารถกำหนดราคาการเข้าซื้อทองได้เองจากการดูราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง 


ด้วยขั้นตอนง่ายๆผ่านสมาร์ตโฟนหรือดีไวซ์ต่างๆ โดยผู้ออมที่สะสมทองคำไปจนครบจำนวน 1 กรัมขึ้นไป สามารถเลือกได้ว่าจะไถ่ถอนนำทองคำกลับไป หรือถอนเป็นเงินสด หรือ จะออมต่อเนื่อง ซึ่งขั้นตอนการสมัครง่ายๆ ใช้เอกสารเปิดบัญชีออมทองเพียง 3 อย่าง

 

ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่ายคู่กับบัตรประชาชน และหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก

 

ส่วนบริการซื้อ - ขายทองคำผ่านกับ “YLG ผ่าน Gold Wallet” บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” วายแอลจี จึงได้ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB  เพื่อเพิ่มช่องทางบริการให้เข้าถึงคนไทยได้มากขึ้น เป็นบริการการซื้อขายทองคำประเภท 99.99% ซึ่งเป็นทองคำมาตรฐานโลก

 

ด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ช่วยให้ผู้ซื้อปิดความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนของค่าเงินบาท 

 

โดยเฉพาะในปี 2565 ที่ค่าเงินบาทมีช่วงที่อ่อนค่าลงไปอย่างมาก จึงส่งผลให้ทองคำซึ่งเป็นสินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น

 

นอกจากนี้บริการกับ YLG ผ่าน Gold Wallet ยังมีความน่าสนใจอีกหลายด้านเพราะไม่มีค่าธรรมเนียม เปิดบัญชีซื้อ- ขายทองฟรี ไม่ต้องวางเงินประกัน เปิดบัญชีง่าย ซื้อขายได้รวดเร็ว ลงทุนทองได้อย่างปลอดภัยไร้ข้อกังวล ซื้อ - ขายได้ในวันจันทร์ – ศุกร์ เวลาทำการ 07.00-02.00 น. (ตี 2 ของวันถัดไป) 


สำหรับการซื้อขายสามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาท เป็นดอลลาร์สหรัฐ ได้ในระบบบนแอปพลิเคชันได้แบบครบวงจร รวมถึง YLG บนแอปฯ เป๋าตัง ยังมีจุดเด่นอีก 4 ด้าน คือ


1. ซื้อขายได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ด้วยราคาเรียลไทม์

2. ซื้อ - ขาย ทองต่อครั้งด้วย ขั้นต่ำ 0.1 ออนซ์ สูงสุดแบบเต็มเพดาน ได้สูงสุดถึง 700 ออนซ์ หรือ 20 กิโลกรัม

3. เพิ่มทางเลือกในการซื้อ - ขายทองคำความบริสุทธ์ 99.99 มาตรฐานระดับโลก

4. เลือกดีไซน์ทองได้มากกว่า สามารถเลือกรับทองคำจริงได้ทั้งเหรียญทองคำเเละทองเเท่ง ซึ่งจุดนี้ถือว่าแตกต่างจากผู้ให้บริการทั่วไปที่มีเฉพาะทองคำแท่งเท่านั้น

 

ทั้งนี้มองว่าปัจจัยที่ทำให้ 2 บริการได้รับการตอบรับที่ดีจากคนไทย มาจาก 3 ด้าน คือ

1. เป็นบริการที่ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำน้อย

2. เข้าถึงง่ายจากทุกพื้นที่ของไทยด้วยเทคโนโลยี และยังสามารถซื้อ - ขาย แบบเรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

3. ปีนี้สินทรัพย์เสี่ยงหลายประเภทปรับตัวลดลง แต่ราคาทองคำยังทรงตัวได้ดีถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่อยู่ในสถานการณ์ดอกเบี้ยขอขึ้นก็ตาม

 

ส่วนผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนทองคำในช่วงนี้ ระยะสั้นมองแนวโน้มการเคลื่อนไหวในลักษณะปรับฐาน  หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในกช่วงต้นเดือนพ.ย.  โดยมีแนวรับที่ 1,729-1,711  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แนวต้านที่ 1,772-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์. ส่วนทองคำในประเทศคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30,000-29,000 บาทต่อบาททองคำ