ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,033.28 จุด เพิ่มขึ้น 194.17 จุด หรือ +0.61%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,807.30 จุด ลดลง 23.30 จุด หรือ -0.61% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,792.67 จุด ลดลง 178.32 จุด หรือ -1.63%
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3% โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า GDP Price index ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 4.1% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 5.3% ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อในสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
ดัชนีดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.95 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.16 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 1.499 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.433 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของแคทเธอร์ พิลลาร์เป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 4.37% หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ทะยานขึ้น 7.79% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปรับตัวขึ้น 0.72% หุ้นฮันนีเวลล์ พุ่งขึ้น 3.27%
หุ้นแมคโคนัลด์ พุ่งขึ้น 3.27% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 2.68 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ระดับ 5.87 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.69 พันล้านดอลลาร์
หุ้นคอมแคสต์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.49% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 96 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 90 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 2.985 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.965 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่าไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งบริษัทแม่ของเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.89 ดอลลาร์
ขณะเดียวกันเมตาระบุว่า Reality Labs ซึ่งเป็นแผนกที่เมตาสร้างขึ้นเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์เมตาเวิร์ส ประสบภาวะขาดทุน 3.67 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 และหากพิจารณาตั้งแต่ต้นปีนี้ Reality Labs มีตัวเลขขาดทุนมากถึง 9.4 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เมตาคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 4 จะอยู่ในช่วง 3.0-3.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.22 หมื่นล้านดอลลาร์
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเมตาได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นเมตา ทรุดตัวลงรุนแรงถึง 24.56% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.98% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.85% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 4.06% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.05%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.6%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ