ดอลลาร์แข็งค่า ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาด

28 ต.ค. 2565 | 06:19 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ต.ค. 2565 | 13:26 น.

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบสกุลเงินหลัก ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับบวก 0.57% สู่ระดับ 110.31 วานนี้ (27 ต.ค.) ณ เวลา 20.20 น.ตามเวลาไทย ขณะที่ ค่าเงินดอลลาร์ ดีดตัว 0.834% สู่ระดับ 0.999 เมื่อเทียบเงินยูโร

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งแรกสำหรับ GDP ประจำไตรมาส 3 เมื่อวานนี้ (27 ต.ค.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงมีการขยายตัว 2.6% ในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3%

 

การเปิดเผยตัวเลข GDP ดังกล่าวช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 1.6% ในไตรมาส 1 และ 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในทางเทคนิค

 

อย่างไรก็ตาม สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ (NBER) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานในการตัดสินเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ จะมีการพิจารณาจากหลากหลายปัจจัย ได้แก่ การจ้างงาน การบริโภค การผลิตในภาคอุตสาหกรรม และรายได้ส่วนบุคคล ก่อนที่จะทำการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการขยายตัวหรือการถดถอยทางเศรษฐกิจ

 

ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีสัญญาณที่ดีคือ สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด โดยแม้ว่ากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวก็ยังคงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 223,000 ราย

 

การแข็งค่าของดอลลาร์วานนี้ (27 ต.ค.) ยังทำให้ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลงในวันเดียวกัน และทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น นอกจากนี้ นักลงทุนยังพากันขายทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดย ณ เวลา 22.59 น.ตามเวลาไทยวานนี้  สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ 2.9 ดอลลาร์ หรือ -0.17% สู่ระดับ 1,666.30 ดอลลาร์/ออนซ์