ดาวโจนส์ปิดร่วง 458 จุด กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยฉุดเศรษฐกิจถดถอย

30 ก.ย. 2565 | 06:45 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ก.ย. 2565 | 13:47 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเฟด เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย นอกจากนี้ ความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดปริวรรตเงินตราและตลาดตราสารหนี้กดดันต่อตลาดหุ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,225.61 จุด ลดลง 458.13 จุด หรือ -1.54%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,640.47 จุด ลดลง 78.57 จุด หรือ -2.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,737.51 จุด ลดลง 314.13 จุด หรือ -2.84%
         

ตลาดพันธบัตรสหรัฐเผชิญกับแรงเทขายอีกครั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หลายคนซึ่งรวมถึงนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ยังคงสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย
         

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนยังเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงฟื้นตัว แม้ว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 193,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 213,000 ราย
         

ฟิล บลองคาโต นักวิเคราะห์จากบริษัทเธลแมนน์ แอสเซท แมเนจเมนท์กล่าวว่า ข้อมูลแรงงานล่าสุดนี้ถือเป็นข่าวดีในข่าวร้าย เนื่องจากจำนวนคนว่างงานที่ลดลงเป็นการตอกย้ำว่าเฟดยังคงมีช่องทางที่จะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไป สิ่งที่ตลาดหวั่นวิตกในขณะนี้ก็คือ นโยบายการเงินของเฟดจะทำให้ให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง และจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งความกังวลเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย โดยหุ้นพีจีแอนด์อี ดิ่งลง 2.56% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 4.86% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ร่วงลง 1.87% หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 3.41%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 โดยระบุว่า GDP สหรัฐหดตัว 0.6% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่า เศรษฐกิจหดตัว 0.9% ส่วนในไตรมาส 1 นั้น GDP สหรัฐหดตัวลง 1.6%

 

ทั้งนี้ การที่ GDP หดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค