เกิดอะไรที่อังกฤษ กระทบตลาดเงินโลกแค่ไหน

29 ก.ย. 2565 | 08:55 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ย. 2565 | 16:02 น.
1.8 k

ฟังมุมมอง"กอบศักดิ์" หลังรัฐบาลอังกฤษสวนกระแสใช้นโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และเข้าแทรกแซงด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 65 พันล้านปอนด์ จนทำตลาดหุ้นทั่วโลกดีดตัวขานรับ แต่ธนาคารกลางอื่น จะเอาอย่างอัดฉีดสภาพคล่องตามหรือไม่ และเพราะอะไร

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว วันนี้ ( 29 ก.ย.65 )โดยระบุว่า

 

เกิดอะไรที่อังกฤษ !!!!
เมื่อวานนี้ แบงก์ชาติอังกฤษ ได้ประกาศเข้าแทรกแซงเพื่อดูแลเสถียรภาพของตลาดพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษด้วยวงเงิน 65 พันล้านปอนด์ 

 

ตลาดการเงินทั่วโลกต่างดีใจ ปรับตัวรับข่าว 
Dow Jones จากที่ตกมาหลายวัน ก็สามารถ +548.75 จุด หรือ +1.88%
Nasdaq +222.13 จุด หรือ +2.05%
Bitcoin ก็เพิ่มขึ้นไปใกล้ๆ 20,000 ดอลลาร์/เหรียญ
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนจากที่แข็งสุด 114.7 ลงมาที่ 112.7 

 

หลายคนถามว่า "เกิดอะไรขึ้น และจะเปลี่ยน Trend ตลาดโลกได้ไหม"

 

คำตอบ : ทั้งหมดเริ่มมาจากนโยบายรัฐบาลใหม่ของอังกฤษเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลดภาษีครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปี  ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีของประชาชนลงไปรวม 45 พันล้านปอนด์  แต่เรื่องนี้ จะทำให้ฐานะการคลังอังกฤษที่ขาดดุลอยู่แล้ว ขาดดุลยิ่งขึ้นไปอีก 

 

ทำให้หลายคนรวมถึง IMF ออกมาเตือนว่า นโยบายลักษณะนี้ไม่มีความรับผิดชอบ (Irresponsible) ไม่น่าแปลกใจว่า ตลาดจึงตอบรับด้วยการเทขายพันธบัตรรัฐบาลของอังกฤษ ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะต่างๆ พุ่งสูงขึ้น UK30Y Gilt เพิ่มจาก 3.5% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าไปที่ 5.14%  เป็นการลงโทษนโยบายที่ไม่รับผิดชอบของรัฐบาลเช่นนี้   

 

เมื่อตลาดพันธบัตรผันผวนรุนแรง ธนาคารกลางอังกฤษจึงไม่มีทางออก 
จำต้องประกาศมาตรการดูแลตลาด โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรแทนตั้งวงเงินไว้ที่ 65 พันล้านปอนด์ ดำเนินการจนถึงกลางเดือนตุลาคม ด้วยมาตรการดังกล่าว ตลาดพันธบัตรอังกฤษ จึงเข้าสู่ปกติ  ดอกเบี้ย 30 ปี ที่พุ่งไปที่ 5.14% ก็กลับลงมาที่ 3.93% 
 

 

สิ่งที่เกินคาดก็คือ การปรับตัวของตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ที่ดีขึ้นมากอย่างที่บอกไปข้างต้น  ทั้งๆ ที่อังกฤษเป็นเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่มาก กลับมีผลกระทบกว้างไกล

 

แต่ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะนักลงทุนแอบดีใจว่า "สุดท้าย ธนาคารกลางก็อดไมได้ที่จะอัดฉีดสภาพคล่องอีก" แอบคิดว่า ถ้าเริ่มได้ 1 ที่ เดี๋ยวที่อื่นก็อาจจะทำตาม  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้สภาพคล่องที่กำลังถูกดูดกลับ หายไปจากตลาด กลับมาอีกครั้ง

 

แต่ในเรื่องนี้ เมื่อลองคิดดูแล้ว คงยากที่จะฝืนเฟดได้  เพราะ Balance Sheet ของแบงค์ชาติอังกฤษ ที่ประมาณ 4 แสนล้านปอนด์ เล็กกว่าเฟดที่ 8.8 ล้านล้านดอลลาร์ เกือบ 22 เท่า นอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ QE แต่เป็นการดูแลตลาดช่วงสั้น เพื่อไม่ให้ ตลาด Panic

 

ทั้งหมดหมายความต่อไปว่า ที่ตลาดแอบดีใจ แอบหวัง ก็ยากจะเกิด 
สุดท้าย Trend การสู้ศึกเงินเฟ้อ ก็จะเป็น Trend หลักของโลกต่อไปอยู่ดี
ส่วนที่ปรับดีขึ้น ก็คงชั่วคราว อยู่ได้ไม่นานครับ !!!