ธอส. คาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% พร้อมหั่นกำไร 1 พันล้าน ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้

23 มิ.ย. 2565 | 13:08 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2565 | 20:20 น.

ธอส. คาด กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ 2 ครั้งรวมไม่เกิน 0.50% พร้อมประกาศหั่นกำไร 1,000 ล้าน ขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ช้ากว่าตลาด และขึ้นเพียง 50% ของตลาดเท่านั้น ย้ำแม้ดอกเบี้ยขึ้น จะยังไม่กระทบต่อเงินงวด แต่อาจทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น

นายฉัตรชัย ศิริไล กกรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส) กล่าวถึงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบที่จะขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น มองว่าจากกำหนดการประชุมของ กนง. ที่จะเกิดขึ้นอีก 3 ครั้งในปีนี้ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายค่อนข้างสูง หรือโดยรวมไม่เกิน 0.50% ในปีนี้

 

อย่างไรก็ตามคณะกรรมการ ธอส. ได้มีมติเห็นชอบให้มีการดูแลลูกค้า โดยหาก กนง.มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ธอส. จะทำการตรึงดอกเบี้ยให้นานที่สุด หรือ จะมีการปรับขึ้นในครั้งแรกในช่วงเดือนตุลาคม โดยจะขึ้นเพียง 50% ของอัตราดอกเบี้ยที่ กนง. ประกาศปรับขึ้น

และหากกรณีที่ กนง. มีการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในปีนี้ ในส่วนของ ธอส. จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 66 เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ และให้เวลาในการปรับตัวของลูกหนี้ ซึ่งจะทำให้กำไรส่วนเกินที่คาดว่าในปี 65 นี้ ที่เดิมคาดว่าจะสูงกว่าเป้าหมาย 1.3 หมื่นล้านบาท 15% ลดลงเหลือเพียงกำไรตามเป้าหมายที่วางไว้เท่านั้น

“หากดอกเบี้ยตลาดขึ้น ธอส. จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากอย่างแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เงินไหลออก ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ ธอส. จะปรับขึ้นช้ากว่าตลาด และปรับขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งของตลาด ก็จะทำให้กระทบต่อต้นทุนที่ ธอส.ต้องแบกรับประมาณ 1,000 ล้านบาท และหาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ยรอบที่ 2 ในปีนี้ ธอส.ก็จะไปขึ้นดอกเบี้ยรอบที่ 2 ในช่วงต้นปี 66 ก็จะกระทบต้นทุนในปีหน้าอีก 1,300 กว่าล้านบาท” นายฉัตรชัย กล่าว

 

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า หากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะยังไม่กระทบต่อเงินงวดให้มีการปรับขึ้นในทันที หากเงินงวดยังเพียงพอในการตัดชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น แต่จะทำให้เงินต้นถูกตัดลดลง ซึ่งมีผลต่อระยะเวลาการผ่อนชำระนานขึ้น เช่น จากเดิม 18 ปี เป็น 20 ปี เป็นต้น

 

แต่ทั้งนี้ หากดอกเบี้ยในตลาดมีการปรับขึ้นแบบกระชั้นและติดกันหลายๆ ครั้ง ก็อาจทำให้เงินงวดไม่เพียงพอที่จะไปตัดชำระดอกเบี้ย จึงจะมีผลทำให้ต้องปรับเงินงวดขึ้น แต่เชื่อว่าจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธอส. ที่ช้ากว่าตลาด และขึ้นเพียงครึ่งหนึ่งของตลาด จะทำให้เงินงวดในการชำระไม่ถูกกระทบและยังคงเท่าเดิมทั้งหมด

 

ขณะที่ตัวเลขหนี้เสีย หรือ NPL ล่าสุดอยู่ที่ 4% คาดว่าภายในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านบาท หรือ 0.2% ซึ่ง ธอส. ได้มีการสำรองหนี้เสียไว้แล้วทั้ง 100% ทำให้ไม่กระทบต่อฐานะการเงิน

 

สำหรับแผนการระดมทุนในปี 65 นอกจากผลิตภัณฑ์เงินฝาก และการเปิดขายสลากออมทรัพย์แล้ว ยังเตรียมออกพันธบัตรมาจำหน่าย เพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อที่จะเพิ่มขึ้นในปีนี้

 

ซึ่ง ธอส. ได้ขยับเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อ จากเดิม 2.2 แสนล้าน เป็น 2.8 - 3 แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อบ้านได้เพิ่มขึ้น ทำให้ช่องว่างส่วนต่างของสินเชื่อ ระหว่าง ธอส. และ 14 แบงก์รัฐ ลดลง จากอดีตที่ห่างถึง 10% เป็นปัจจุบันเหลือเพียง 4% สะท้อนว่า ธอส. สามารถเข้าไปซัพพอร์ตสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านได้มากขึ้น