จีน ล็อกดาวน์เป็นเหตุ ฉุดยอดขายห้องชุด ไตรมาส1/65 ลดกว่า 10%

20 มิ.ย. 2565 | 14:09 น.
อัปเดตล่าสุด :20 มิ.ย. 2565 | 21:17 น.

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส. เผยยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดไตรมาส 1/65 ลดลงกว่า 10% จากผลกระทบจีนล็อกดาวน์ ทำให้กำลังซื้อหลักหาย พร้อมหวังรัฐบาลไทยใช้มาตรการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ช่วยฟื้นแรงซื้อในกลุ่มห้องชุดให้เพิ่มขึ้น

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในไตรมาส 1 ปี 2565 ยังคงชะลอตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2564 แม้ว่ารัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางของชาวต่างประเทศมายังประเทศไทย ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

 

แต่เนื่องจากประเทศจีนซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักของห้องชุด ยังคงปิดประเทศ และใช้นโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" โดยทางการจีนได้ห้ามไม่ให้พลเมืองจีนเดินทางไปต่างประเทศ หากไม่มีเหตุที่จำเป็น ทำให้สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติจึงยังไม่ฟื้นตัวในไตรมาสนี้ พร้อมคาดการณ์ว่า จีนจะยังปิดประเทศไม่ให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศไปจนถึงสิ้นปี 2565

อย่างไรก็ตาม ในด้านรัฐบาลไทย มีการดำเนินการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติเป็นระยะๆ เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 ซึ่งในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้วกว่า 1 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวนไม่ถึง 100,000 คน

 

นอกจากนั้น รัฐบาลยังได้กำหนดให้ปีนี้เป็น “ปีส่งเสริมท่องเที่ยวไทย 2565 - 2566 (Visit Thailand Year 2022- 2023)” โดยมีแผนจะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยไม่น้อยกว่า 300,000 – 1,000,000 คนต่อเดือน

ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวได้มากถึง 6 ล้านคนในปีนี้ และ 19 ล้านคนในปี 2566 หากสถานการณ์การท่องเที่ยวของชาวต่างชาติฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น ก็คาดว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับการซื้อขายตลาด อาคารชุดทดแทนกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่ยังไม่สามารถเดินทางมาไทยได้

 

สำหรับภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติ ทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2565 มีจำนวน 2,107 หน่วย ลดลงร้อยละ -10.3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่มีจำนวนหน่วยสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ในช่วง COVID-19  (ปี 2563 – 2564) ที่มีจำนวน 2,061 หน่วย/ไตรมาส

 

ขณะที่มูลค่าการโอนห้องชุดรวม 10,262 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -6.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มูลค่าการโอนในไตรมาสนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ย 2 ปี ในช่วง COVID-19 ที่มีมูลค่า 9,683 ล้านบาท/ไตรมาส

 

โดยสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดไตรมาส 1/65 มีจำนวนทั้งหมด 19,886 หน่วย แบ่งเป็น การโอนกรรมสิทธิ์ให้คนไทยร้อยละ 89.4 และชาวต่างชาติร้อยละ 10.6 ซึ่ง ชาวจีน มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากสุด ที่จำนวน 949 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 45.0 (ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 53.7)

 

รองลงมา ได้แก่ รัสเซีย มีการโอนจำนวน 134 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 6.4) อันดับสาม สหรัฐอเมริกา จำนวน 114 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 5.4) อันดับสี่ สหราชอาณาจักร จำนวน 91 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 4.3) อับดับห้า เยอรมัน จำนวน 81 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 3.8) ตามลำดับ

 

ส่วนด้านมูลค่า พบว่า จีน มีมูลค่าการโอนสูงสุดที่ 4,570 ล้านบาท รองลงมา คือ รัสเซีย มีการโอนจำนวน 435 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 4.2) อันดับสาม กัมพูชา 401 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 3.9) อันดับสี่ ไต้หวัน 391 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 3.8) และอับดับห้า ฝรั่งเศส 390 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 3.8)

 

โดยระดับราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ จะอยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท โดยมีการโอนจำนวน 1,109 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 52.6 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด รองลงมาคือ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีจำนวน 504 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 23.9) ระดับราคา 5.01 – 10.00 ล้านบาท มีจำนวน 304 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 14.4) และระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 190 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 9.0)

 

ทั้งนี้ จังหวัดที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพฯ มีจำนวน 829 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 39.3) และชลบุรี จำนวน 677 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 32.1) โดยทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึงร้อยละ 71.5 ของทั่วประเทศ