KTAM เปิดตัวกองทุน KT-Luxury ลงทุน Premium Brands

17 พ.ค. 2565 | 19:28 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2565 | 02:30 น.

KTAM ชวนสร้างโอกาสเติบโตไปกับหุ้นแบรนด์ดังระดับโลก กับกองทุน KT-Luxury ที่เน้นลงทุนในหุ้นของสินค้าและบริการ Luxury ผ่านกองทุนหลัก PICTET-PREMIUM BRANDS เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) 18-25 พฤษภาคมนี้

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า กองทุนเปิด เคแทม Luxury (KT-Luxury) ความเสี่ยงระดับ 6 เป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ PICTET- PREMIUM BRANDS กองทุนรวมหลัก เพียงกองทุนเดียว ในชนิดหน่วยลงทุน (Share class) “I” ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน  

 

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน)

บลจ.กรุงไทย จะเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุน KT-Luxury  ระหว่างวันที่ 18-25 พฤษภาคม พ.ศ.2565 ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนได้โดยเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ KTAM

 

 

กองทุนรวมหลัก หรือ กองทุน PICTET- PREMIUM BRANDS มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อเน้นการเติบโตของมูลค่าเงินลงทุน ผ่านการลงทุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในตราสารทุนที่ออกโดยบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ใน อุตสาหกรรมสินค้าและ บริการระดับบน (Premium brands sector) ซึ่งเป็นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง โดยบริษัทเหล่านี้เป็นที่ถูกจดจำหรือรับรู้โดยผู้บริโภคในตลาด (Strong market recognition) เนื่องจากมีความสามารถที่จะสร้างหรือมีอิทธิพลในการกำหนดกระแสความนิยมของผู้บริโภคได้

 

กองทุน PICTET- PREMIUM BRANDS (กองทุนรวมหลัก) มีนโยบายการบริหารการลงทุนแบบเชิงรุก สามารถลงทุนได้โดยไม่มีข้อจำกัด และไม่อ้างอิงกับดัชนีใดๆ โดยใช้ดัชนี MSCI ACWI เพื่อเปรียบเทียบเชิงของผลตอบแทนเท่านั้น และยังเป็นกองทุน Thematic ภายใต้การบริหารจัดการของ Pictet ที่เก่าแก่ที่สุด โดยเริ่มกลยุทธ์การลงทุนนี้ตั้งแต่ปี 1998 ในชื่อของ Pictet-Leisure ก่อนที่จะทำการปรับตำแหน่งการตลาดมาเป็น PICTET- PREMIUM BRANDS ในปี 2005 เป็นต้นมา

เน้นลงทุนในบริษัททั่วโลกที่ทำธุรกิจมากกว่า 50% ขึ้นไป อยู่ในอุตสาหกรรมสินค้าและบริการระดับบนเป็นหลัก (High-end Products and Services) ครอบคลุมมากกว่า 120 บริษัททั่วโลก ซึ่งกองทุนจะมีเกณฑ์ในการพิจารณาบริษัทต่างๆ ด้วยปัจจัยสำคัญ 5 ประการ ได้แก่

  1. ประสบการณ์และบริการต้องเป็นเลิศและได้รับการยอมรับ
  2. มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์
  3. มีภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีในสายตาของผู้บริโภค
  4. มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการ
  5. มีการเอาเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์ (ที่มาของข้อมูล : Pictet ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)

 

ตัวอย่างพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวมหลัก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 พบว่ามี แบรนด์ดังชั้นนำที่หลายคนรู้จัก เคยใช้บริการ รวมถึงอาจมีผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นั้นๆ อยู่ในครอบครองด้วย อาทิ Marriott International-CI A, Apple Inc, Lvmh Moet Hennessy Louis Vuitton, L’Oreal และ Hermes International เป็นต้น (ที่มาของข้อมูล : Pictet) ดังนั้นการลงทุนในกองทุน KT-Luxury ก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกว่าได้ยกระดับการลงทุนไปอีกขั้นเลยทีเดียว

 

นางชวินดากล่าวว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจ Luxury Goods & Services หรือ กลุ่ม Premium Brands เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตของรายได้สูง มีอัตรากำไรจากการดำเนินงานสูง รวมถึงยังมีกระแสเงินสดและงบดุลที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นสินค้าและบริการระดับบนที่ประชากรระดับชนชั้นกลางให้ความสนใจและบริโภคในอัตราก้าวกระโดด

 

โดยเฉพาะคนในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z (กลุ่มที่อายุต่ำกว่า 38 ปี) พบว่า มีการจับจ่ายใช้สอยสินค้าประเภทดังกล่าวมากถึง 39% ในปี 2019 ที่ผ่านมา และในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรหนาแน่น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้สินค้าและบริการในอุตสาหกรรมดังกล่าวเติบโตเร็วและมีอำนาจในการต่อรองและกำหนดราคาที่เหนือกว่า

 

สำหรับหุ้นในกลุ่มธุรกิจ Luxury Goods & Services เอง นับได้ว่าเป็น Megatrends ที่กำลังน่าจับตามองเพราะมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและเป็นทางเลือกที่น่าสนใจลงทุน (ที่มาของข้อมูล : Pictet ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)