ทุนธนชาตและบริษัทย่อย Q1/65 โชว์กำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท

11 พ.ค. 2565 | 11:33 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ค. 2565 | 18:33 น.

ทุนธนชาต (TCAP)และบริษัทย่อย ไตรมาส 1/2565 กำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท โดยเป็นกำไรในส่วนของ TCAP จำนวน 1,036 ล้านบาท ลดลง 3.90% ขณะที่บริษัทย่อย ยังมีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง

นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP  เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 1,390 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ มีจำนวน 1,036 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.90 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน

 

สาเหตุที่กำไรปรับลดลง เกิดจากค่านายหน้าจากธุรกิจหลักทรัพย์ และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินปรับลดลง ประกอบกับบริษัทย่อยมีการตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เพิ่มเติมเพื่อรองรับความเสี่ยงด้านเครดิตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต


อย่างไรก็ดี บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก ทั้ง ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ธนชาตประกันภัย (TNI) หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) เอ็มบีเค ไลฟ์ ประกันชีวิต (MBK Life) รวมถึง ธนชาตพลัส (T-Plus) มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ

 

  • โดย THANI มีสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตขึ้นร้อยละ 2.39 จากสิ้นปี 2564 โดยมียอดสินเชื่อคงค้างแตะระดับ 50,000 ล้านบาท NPL ปรับตัวลดลงต่ำกว่าร้อยละ 3

 

  •  TNI มีเบี้ยประกันภัยรับรวมในไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 2,451 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย

 

  • TNS มีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวัน ในไตรมาส 1 ปี 2565 เท่ากับ 3,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.38 จากไตรมาสก่อน และมีรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปริมาณ Margin Loans ที่เพิ่มสูงขึ้น

 

  •  MBK Life มียอดขายประกันชีวิตเติบโตได้ตามเป้าหมาย และ T-Plus ตั้งเป้าที่จะปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาท และ NPL ยังคงเป็นศูนย์

 

ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นจะช่วยส่งเสริมให้ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยที่สำคัญเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องต่อไป