“KCC” ชู 4 จุดแกร่งโชว์นักลงทุนก่อนขายหุ้น “ไอพีโอ”

21 เม.ย. 2565 | 14:43 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2565 | 22:00 น.
647

“KCC" เคาะราคาขาย “ไอพีโอ” หุ้นละ 3.70 บาท ชู 4 จุดแกร่งโชว์นักลงทุน ก่อนเสนอขายหุ้น “ไอพีโอ” วันที่ 22,25-26 เม.ย.นี้

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย และการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำเสนอข้อมูลการดำเนินธุรกิจ (โรดโชว์) ออนไลน์ ในวันที่ 21 เม.ย.2565

 

เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจ จุดเด่น และโอกาสการเติบโตของบริษัทในอนาคต ตามภาพรวมของอุตสาหกรรม AMC ที่ยังมีโอกาสโตได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว โดยประเมินว่าสถาบันการเงินมีแนวโน้มที่จะนำสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (“NPLs”) ออกมาเปิดประมูลขายในปริมาณที่เพิ่มขึ้นและหากดูตัวเลขจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดพบว่า NPLs ทั้งระบบมีกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อุตสาหกรรม AMC ยังมีการเติบโตต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีนี้

 

 

ขณะที่ นางสุพัตรา ภู่พัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรือ Lead Underwriter บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC กล่าวว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ของ “KCC” ที่ระดับราคา 3.70 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ที่ 5.00 เท่า โดยคำนวณจากมูลค่าทางบัญชีสุทธิสิ้นสุดปี 2564 ของบริษัทฯ ซึ่งเท่ากับ 460.61 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้เท่ากับ 620 ล้านหุ้น จะได้มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเท่ากับ 0.74 บาท ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (P/BV) ดังกล่าว คำนวณจากผลประกอบการในอดีต โดยยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่นักลงทุนควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

 

ทั้งนี้ KCC จะเปิดให้ประชาชนจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 22, 25-26 เม.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณต้นเดือนพ.ค.ในหมวดกลุ่มธุรกิจการเงิน โดยใช้ชื่อย่อ “KCC” ซึ่งเชื่อว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก

 

 

KCC

 

ด้าน นายวัชรินทร์ เลิศสุวรรณกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC กล่าวว่า KCC เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรม AMC มีโอกาสเติบโตและเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์อนาคต จากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งหากดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นและทีมผู้บริหาร ทั้งนายสุชาติ บุญบรรเจิดศรีและนายทวี กุลเลิศประเสริฐ ถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และคร่ำหวอดในธุรกิจบริหารหนี้และธุรกิจการเงินมากว่า 20 ปี  จะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตได้ต่อเนื่อง   

 

“หุ้นไอพีโอของ KCC ธุรกิจของ KCC มีโอกาสเติบโตได้ดีในอนาคต และเป็นบริษัทที่มีจุดแข็งแกร่งดังนี้

  •  ผู้บริหารมีความชำนาญในธุรกิจบริหารหนี้โดยเฉพาะ คุณสุชาติ บุญบรรเจิดศรี ผู้ถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบันถือหุ้นกว่า 61% คืออดีตผู้บริหารสถาบันการเงิน เป็นผู้เข้าไปมีส่วนร่วมในประมูลหนี้ ปรส.ซึ่งเป็นองค์กรบริหารหนี้ของสถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการเมื่อวิกฤตต้มยำกุ้ง ในปี 40-41 และปัจจุบันเป็นนายกสมาคมบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ส่วนคุณทวี ซึ่งปัจจุบันถือหุ้น 30% ก็เป็นผู้บริหารในสถาบันการเงินและอยู่ในแวดวงของการบริหารหนี้มานานเกินกว่า 20 ปี อีกทั้งยังเป็นที่ปรึกษาในการซื้อหนี้ให้กับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้งซึ่งถือได้ว่าเป็นทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจ AMC
  •  เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 89% ซึ่งถือว่าสูงกว่าบริษัทในอุตสาหกรรมธุรกิจ AMC
  • KCC มีความถนัดในการบริหารหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่ใช้บุคลากรไม่เยอะสามารถควบคุมต้นทุนได้และอนาคตมีโอกาสเติบโตจากเม็ดเงินที่ได้การระดมทุนที่จะนำไปซื้อหนี้หนุนให้พอร์ตเติบโตขึ้นจากปัจจุบันบริษัทบริหารพอร์ตหนี้อยู่ประมาณ 565.57 ล้านบาท 
  • เป็นบริษัทที่มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.63 เท่า มีความสามารถที่จะหาแหล่งเงินเพื่อสนับสนุนการเติบโตได้อีกและมีเป้าหมายไม่ให้เกิน 2 เท่า ขณะที่ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ROE เติบโตต่อเนื่องและอยู่ที่ 12.06% ส่วนอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 37.08% ซึ่งสูงกว่าบริษัทในอุตสาหกรรม” นายวัชรินทร์ กล่าว

 

นอกจากนี้หากดูผลดำเนินงานย้อนหลังของบริษัทฯ พบว่ารายได้และกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยผลประกอบการช่วงปี 2562-2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 57.10 ล้านบาท 128.10 ล้านบาทและ125.75 ล้านบาท ตามลำดับและมีกำไรสุทธิเท่ากับ 12.03 ล้านบาท 49.06 ล้านบาท และ52.42 ล้านบาท ตามลำดับ  

 

ทั้งนี้ KCC จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2543 ซึ่ง ณ วันก่อตั้ง ใช้ชื่อบริษัทฯ ว่า บริษัท ริชชี่ แคปปิตอล อัลลายแอนซ์ จำกัด และในปี 2547 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไนท คลับแคปปิตอล จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในด้านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และในปี 2556 บริษัทฯได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์จากธนาคารแห่งประเทศไทย และได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการครอบคลุมธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมถึงบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย.