YGG ชี้ เทรนด์โลกดันธุรกิจ“เกม-อินโนเวชั่น-แอนิเมชั่น”รุ่ง

25 ก.พ. 2565 | 18:27 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.พ. 2565 | 01:28 น.

อิ๊กดราซิล กรุ๊ป หรือ YGG ปี 64 กวาดกําไรสุทธิ 112 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 98% รับอานิสงค์เปิดจําหน่าย Home Sweet Home Survive ดันรายได้ธุรกิจเกมและอินโนเวชั่นพุ่ง 300% มั่นใจปีนี้ยังโตตามเทรนด์ตลาดโลกไม่ต่ำ 15-20%

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) หรือ YGG เปิดเผยว่า ผลการดําเนินงานของบริษัทปี 2564 สิ้นสุด 31 ธ.ค 2564 บริษัทมีรายได้รวม 284.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่งผลให้มีกําไรสุทธิ 112.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น  98.1% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกําไรสุทธิ 56.5 ล้านบาท

นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน)

สาเหตุที่กําไรของ YGG ปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด มาจากรายได้จากส่วนงานเกมและอินโนเวชั่น ที่มี 67.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จํานวน 50.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่ม  299.4% เนื่องจากในปี 2564 บริษัทมีออกเกมใหม่ คือ Home Sweet Home Survive ซึ่งเปิดให้ผู้เล่นได้ใช้งานและสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯในปี 2564

ขณะที่รายได้จากส่วนงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นในปี 2564 มีจํานวน 107.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จํานวน 7.9% เนื่องจากบริษัทรับผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มลูกค้ารายหลักจะเป็นลูกค้าต่างประเทศและได้รับโปรเจคที่มีมูลค่าสูงขึ้น ส่วนรายได้จากส่วนงานโฆษณาและภาพยนตร์ในปี 2564มีจํานวน 108.9ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.7% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสําคัญจากปีก่อน แต่ส่วนงานนี้มีอัตรากําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จากอัตรา40% เป็นอัตรา 51%

 

นายธนัชกล่าวต่อว่า บริษัทได้ปรับรูปแบบการบริหารงาน โดยได้รุกไปสู่ต้นนํ้าในทุกกลุ่มธุรกิจเพื่อทําให้อัตรามาร์จินและกําไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากปี 2564 มีกําไรขั้นต้น 128.7 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเป็นอัตรา 39% เนื่องจากบริษัทฯ มีการจําหน่ายเกมใหม่ Home Sweet Home Survive โดยในส่วนของงานนี้มีอัตรากําไรขั้นต้นจากปีก่อน 33% เพิ่มเป็น  45% ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ อัตรากําไรขั้นต้นรวมทุกส่วนงานในปี 2564อยู่ที่ 45.2 % เพิ่มขึ้นอัตรา 4.3%

 

“ธุรกิจของ YGG เติบโตตามเทรนด์ของตลาดโลก ในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20%  โดยทุกธุรกิจของบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรุกไปสู่ต้นนํ้าในทุกกลุ่มธุรกิจมากยิ่งขึ้น”นายธนัชกล่าว

 

นอกจากนั้น การที่บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน และมีแผนที่จะย้ายหลักทรัพย์จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)จะเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับบริษัทได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการไปร่วมทําธุรกิจกับพันธมิตรต่างประเทศ รวมทั้งยังช่วยให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอดทําธุรกิจกับพันธมิตร นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้น(ฟรีโฟลท)ในตลาดให้กับหุ้นบริษัทอีกด้วย

 

สําหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จํานวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่า 180 ล้านบาท

 

“การเพิ่มทุนของบริษัทได้รับความสนใจจากผู้ถือหุ้นดีมาก ส่วนแผนการย้ายเข้ามาอยู่ใน SET มองว่าเป็นการเติบโตของบริษัท ที่สะท้อนให้เห็นจากทั้งกําไร รายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาใน SET ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท ส่งผลต่อเครดิตความน่าเชื่อถือในธุรกิจของบริษัท สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า”นายธนัชกล่าว