TIPH เผยแผน 12 เดือนข้างหน้าเล็ง “จัดตั้งหรือเข้าซื้อกิจการ”อีก 2-3ธุรกิจ

07 ก.ย. 2564 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ย. 2564 | 17:18 น.

บมจ. ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TIPH เผยแผนในอีก 12 เดือนข้างหน้า อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ จัดตั้งบริษัทร่วมทุน-เข้าซื้อกิจการหนุนธุรกิจประกันภัย 2-3ธุรกิจ พร้อมแนวทางตั้งบริษัทใหม่ หลังเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้(7ก.ย.64)เป็นวันแรก

TIPH เผยแผน 12 เดือนข้างหน้าเล็ง “จัดตั้งหรือเข้าซื้อกิจการ”อีก  2-3ธุรกิจ

ดร. สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH  กล่าวยืนยันว่าภายใต้โครงสร้างกลุ่มธุรกิจของ TIPH ธุรกิจหลักยังคงเป็นธุรกิจประกันภัย ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75% ของทรัพย์สินรวมของกลุ่มบริษัท โดยมีบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เป็นบริษัทที่เป็นแกนกลางของกลุ่มภายใต้ TIPH

 

สำหรับโครงสร้างธุรกิจประกันภัยของTIPH  จะมีการแบ่งแยกและจำกัดความเสี่ยงของแต่ละสายธุรกิจอย่างชัดเจน ประกอบด้วย ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance) ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย (Life Assurance) ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ(International Insurance) และธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย (Insurance Supporting)

 

ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือกลุ่มประกันภัย อาจจะขยายการลงทุนไปในอนาคตในสัดส่วนไม่เกิน 25% ของทรัพย์สินรวมของกลุ่มบริษัท แต่ต้องเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจหลัก และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจของ TIPH ด้วย

“บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการจัดโครงสร้างกลุ่มธุรกิจดังกล่าว นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการองค์กรให้เหมาะสมกับการประกอบธุรกิจในแต่ละประเภทธุรกิจแล้ว จะช่วยให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน (Competitive Advantage) ที่เกิดจากการพัฒนากลุ่มธุรกิจให้มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน (Specialization) อย่างแท้จริง

รวมทั้งจะส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการจัดตั้งหน่วยธุรกิจที่ให้การสนับสนุนกับบริษัทในเครือ (Shared Services) ขึ้นมา โดยเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากหน่วยงานสนับสนุนธุรกิจที่ถือว่าเป็นจุดแข็งที่เป็นข้อได้เปรียบ (Unique Competencies) ของ TIP อยู่แล้ว เช่น การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการให้บริการสรรหาและพัฒนาบุคลากร หน่วยงานวิจัยและพัฒนา เป็นต้น” ดร.สมพร กล่าว

ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักในการขยายธุรกิจของ TIPH จะอยู่บนเป้าหมายของการสร้างนวัตกรรมใหม่ (Innovation) ในแต่ละกลุ่มธุรกิจประกันภัยของบริษัทฯ เพื่อทำเกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Exponential Growth) และการเติบโตที่ยั่งยืน (Sustainable Growth) ควบคู่กันไป โดยมุ่งเน้นการขยายการลงทุนในธุรกิจประกันภัยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Alliance) การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) และการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) รวมทั้งผ่านการแยกหน่วยธุรกิจของบริษัทในกลุ่มที่มีศักยภาพออกเป็นบริษัทใหม่ (Spin-Off) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจของ TIPH

 

สำหรับแผนการขยายธุรกิจใน 12 เดือนข้างหน้า บริษัทฯ มีแผนการดำเนินการชัดเจนแล้วตามที่ได้แจ้งกับผู้ถือหุ้นไประหว่างช่วงเวลาการทำ Tender Offer ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการจัดตั้งหรือเข้าซื้อกิจการที่ประกอบธุรกิจสนับสนุนธุรกิจประกันภัย 2-3 ธุรกิจ รวมทั้งการศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งบริษัทประกันภัยใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อรองรับการแยกหน่วยธุรกิจที่มีศักยภาพของบริษัทในกลุ่มออกเป็นบริษัทใหม่ (Spin-Off) อีกอย่างน้อย 1 ธุรกิจด้วย

“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้โครงสร้างกลุ่มธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ดี บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัย และโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง โดยที่ปัจจุบัน บมจ.ปตท. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ จะทำให้ TIPH สามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจประกันภัยไปสู่มิติใหม่ ที่สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดของประชาชนในฐานะผู้เอาประกันภัยและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในอนาคตได้” ดร.สมพร กล่าว