หุ้นกู้ ช.การช่าง ฮอต ความต้องการล้น 3 เท่า

07 พ.ค. 2564 | 14:37 น.

หุ้นกู้ ช.การช่าง ฮอต ความต้องการล้น 3 เท่า ต้องจัดสรรเพิ่มอีก 1,200 ล้านบาท จาก 5,000 ล้านบาท เตรียมนำเงินมาชำระเงินกู้ พร้อมลงทุนขยายธุรกิจ

ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) หรือ CK เปิดเผยว่า การจัดออกหุ้นกู้ครั้งแรกปี 2564 ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากเบื้องต้นต้องการออกหุ้นกู้ 5,000 ล้านบาท แต่จากการสำรวจความต้องการลงทุนในหุ้นกู้ (Bookbuild) เมื่อ 29 เมษายน 2564 มีผู้ลงทุนให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทมากกว่ามูลค่าที่บริษัทมีแผนเสนอขายเดิมรวมกว่า 3 เท่า

 

สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง

 

บริษัทฯได้พิจารณาออกหุ้นกู้เพิ่มเติมเป็นวงเงินรวม 6,200 ล้านบาท  โดยหุ้นกู้ชุดใหม่นี้มีทั้งหมด 4 ชุด คือ หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.97% มูลค่า 1,200 ล้านบาท   หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.39% มูลค่า 800 ล้านบาท  หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.00% มูลค่า 1,700 ล้านบาท และ หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.45% มูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยหุ้นกู้รุ่นอายุ 7 ปี และ 10 ปี บริษัทฯ มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโดยเงื่อนไขเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิ

 

ทั้งนี้หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ “A-” Stable outlook โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 และได้เสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 5 – 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 

 

ดร.สุภามาสกล่าวว่า  บริษัทฯนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปชำระคืนหนี้คงค้าง และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ รวมถึงเพื่อขยายธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวกับการซื้อสินทรัพย์ และ/หรือ การลงทุนของโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ และได้แต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

 

“การที่หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนอย่างมากในครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงการมองเห็นถึงศักยภาพของบริษัทในโครงการลงทุนต่างๆ ที่ผ่านมารวมถึงในอนาคต เช่น บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้ง 3 บริษัทดำเนินงานที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ  อาทิ ระบบขนส่งมวลชนและสาธารณูปโภคพื้นฐานซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานหรือสัญญาซื้อขายระยะยาว”

 

นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทย ตลอดจนความสามารถในการรับงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่และโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง รวมทั้งความแข็งแกร่งในการดำเนินโครงการและความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ

 

สำหรับผลประกอบการ ณ สิ้นปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 18,442 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 627 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 82,774 ล้านบาท และหนี้สินรวม 56,503 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 26,271 ล้านบาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: