2021 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง Ecosystem ของคริปโทเคอร์เรนซี่

01 พ.ค. 2564 | 02:15 น.
733

เพิ่งจะผ่านไตรมาสแรกของปีแค่ 1 เดือน แต่ตลาดคริปโทก็บูมสุดขีด ล่าสุดมูลค่าตลาดรวมขึ้นไปแตะกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.243 trillion) โดยมูลค่าของบิทคอยน์เคยพุ่งขึ้นไปมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้สัปดาห์ที่ผ่านมาบิทคอยน์จะทำให้นักลงทุนมือใหม่ใจหายใจควํ่ากับราคาที่ลงไปจนถึง 47,159.49 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผมมองว่า เป็นการปรับฐานที่ดีครั้งหนึ่งและในสัปดาห์นี้ตลาดก็กลับไปอยู่ในแดนบวกอีกครั้ง

มีหลากหลายปัจจัยที่ส่งให้ตลาดคริปโทยังคงอยู่ในภาวะตลาดที่น่าสนใจ ตั้งแต่การเข้าลิสต์ในตลาดหลักทรัพย์ของ Coinbase แพลทฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกซึ่งมีมูลค่าประมาณ 85,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ราคาต่อหุ้น
Coinbase ที่ 328.8 ดอลลาร์สหรัฐ การแต่งตั้ง Gary Gensler ที่เชื่อในคริปโทเคอร์เรนซี่เป็นประธานก.ล.ต สหรัฐฯ รวมถึงการปรับปรุงและเสนอร่างกฎระเบียบข้อบังคับ (Regulation) ที่เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในหลายๆ ประเทศทั่วโลก เพื่อตอบโจทย์การเติบโตไปในทิศทางที่ถูกต้อง รองรับตลาดการเงินและลงทุนที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่เงินดิจิทัล และทำให้คริปโทเคอร์เรนซี่เป็นที่ยอมรับตามกฎหมาย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งนักลงทุนและ ecosystem ของคริปโท 

แน่นอนว่าการได้รับการยอมรับจากสถาบันการเงิน กองทุน บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และเหล่าเซเลบ ทั้งในแวดวงธุรกิจการเงิน วงการบันเทิงล้วนมีผลทำให้สภาพแวดล้อมของตลาดเป็นบวก ล่าสุดข้อมูลจาก Coindesk อ้างแหล่งข่าววงในว่า JP Morgan ธนาคารอันดับ 1 ของโลก กำลังเตรียมจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์อย่างเป็นทางการ เพื่อรองรับลูกค้าที่มีความต้องการซื้ออย่างมหาศาลในอนาคต โดยแหล่งข่าวรายงานว่า JP Morgan พร้อมจะทำ custody service เพื่อรองรับการเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต อีกทั้งจะเป็นแพลตฟอร์ม NYDIG ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เป็นไปได้อย่างมากเพราะ ความต้องการของลูกค้าต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจบิทคอยน์ จากการที่ราคาพุ่งประมาณ 20 เท่า จาก 38,000 ดอลลาร์ ไปจนเกิน 64,000 ดอลลาร์ ในเดือนเมษายนปี 2021

 

นอกจากนั้นในต่างประเทศมีการทำ Stock Token คือการนำหุ้นมาแปลงเป็นคริปโทเคอร์เรนซีให้คนสามารถซื้อหุ้นผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ ซึ่งก็สามารถทำเป็น “Dual Listing” ทำให้คนซื้อขายหุ้นได้จาก 2 ตลาด ใน 2 ประเทศโดยใช้บล็อกเชน ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากหุ้นที่คนซื้อขายกันในปัจจุบัน

หลากหลายธุรกิจต่างก็ออกมายอมรับการชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซี่ เช่น TIME Magazine นิตยสารระดับโลกประกาศว่าจะรับบิทคอยน์ และคริปโทเคอร์เรนซี่ ให้ลูกค้าสามารถนำเหรียญ คริปโท มาจ่ายเป็นค่าสมัครสมาชิกรายเดือนได้ WeWork ผู้ให้บริการพื้นที่เช่าชั้นนำได้ประกาศว่าจะเริ่มให้บริการ เศรษฐกิจ New Normal ด้วยการชำระเงินในสกุลเงินดิจิทัลที่เลือก ด้วยความร่วมมือกับ BitPay และ Coinbase แม้กระทั่งธุรกิจในประเทศไทยอย่างนันยางก็ประกาศยอมรับการซื้อรองเท้าด้วยบิทคอยน์ 

PayPal และ Visa ต่างก็ประกาศรับบิทคอยน์ รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี่อื่น ๆ และให้คนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ล่าสุด PayPal จับมือกับ Venmo ประกาศเปิดตัว คริปโทเคอร์เรนซี่ บน Venmo ซึ่งเป็นวิธีใหม่สำหรับลูกค้ามากกว่า 70 ล้านราย ในการซื้อถือและขายคริปโทโดยจะเริ่มจากเหรียญ 4 เหรียญได้แก่ Bitcoin Ethereum Litecoin และBitcoin Cash ส่วน Mastercard ก็จับมือกับ Wirex และ BitPay ออก Crypto Card

ไม่ว่าความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี่จะเป็นอย่างไร ความจริงก็ยังคงอยู่ที่ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของโลกการเงินและการลงทุนยุคใหม่ คริปโทเคอร์เรนซี่จะยังมี performance ที่ดี จากการที่ ecosystem ต่าง ๆ สมบูรณ์ขึ้น รวมทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐก็ยังมีแนวโน้มอ่อนค่าอยู่ จากการอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบอีกมากเพื่อพยุงเศรษฐกิจ 

สำหรับนักลงทุนรายใหม่นั้น แนะนำให้เล่นตามความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ และดูทิศทางตลาดต่อไป และอย่าตื่นตระหนกกับสถานการณ์ต่างๆ จนทำให้เกิด Panic Sell เพราะความตื่นตระหนกจะทำให้เราตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาดได้ 

 

คอลัมน์ยังอีโคโนมิสต์

โดย : ปรมินทร์ อินโสม

ประธานกรรมการบริหาร

บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,674 วันที่ 29 เมษายน - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564