กสิกรไทย ประเมินกรอบเงินบาทและดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า แนะเกาะติด 6ปัจจัย “สถานการณ์และมาตรการควบคุมโควิด 19 ในประเทศ ข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนมี.ค. ท่าทีสหรัฐฯ และจีน ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ไทย โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด 19 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ”
ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทระหว่างวันที่ 19-23เมษายน 2564 ที่ 31.10-31.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์และมาตรการควบคุมโควิด 19 ในประเทศ ข้อมูลการส่งออกของไทยเดือนมี.ค. ท่าทีสหรัฐฯ และจีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของจีน และผลการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ด้วยเช่นกัน โดยในวันศุกร์ (16 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.23 เทียบกับระดับ 31.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 เม.ย.)
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทย (19-23 เม.ย.) มีแนวรับที่ 1,530 และ 1,510 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,560 และ 1,575 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ไทย โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด 19 ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสองเดือนมี.ค. รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการ (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน และการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนเม.ย. ของจีน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเมื่อ 16เม.ย.ที่ผ่านมา หุ้นไทยถูกกดดันจากสถานการณ์โควิดในประเทศ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,548.96 จุด ลดลง 1.11% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 83,842.50 ล้านบาท ลดลง 5.76% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.45% มาปิดที่ 447.08 จุด