หุ้น IPO ใหม่คึกคัก สวนกระแสโควิด-19

01 มี.ค. 2564 | 03:09 น.
21.3 k

หุ้นไอพีโอน้องใหม่ 4 บริษัท เข้าเทรดวันแรก ราคาพุ่งเหนือจอง ต้อนรับต้นปี 2564 โบรกมองบรรยากาศลงทุนดีขึ้น หลังสภาพคล่องสูง เศรษฐกิจฟื้น หนุนกำไรบจ.เติบโต แนะจับตาหุ้นเข้าใหม่น่าสนใจ

แม้จะเกิดการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต้ต้นปี 2563 แต่ประเทศไทยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) เป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไทยมีมูลค่าการทำไอพีโอคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของมูลค่าการทำไอพีโอทั้งหมดของภูมิภาค แม้ว่าหลายบริษัทต้องชะลอแผนการขายไอพีโอออกไปก่อนก็ตาม

เมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง ก็เข้าสู่ยุคทองไอพีโออีกครั้ง และสามารถเรียกบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้คึกคักขึ้นมาตั้งแต้ต้นปี 2564  โดยเฉพาะการเสนอขายหุ้นไอพีโอของบริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เพราะเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนมากถึง 2,610 ล้านหุ้น และมีรายจองซื้อเข้ามารวมกว่า 530,000 รายการ นับว่าเป็นการทำรายการจองซื้อหุ้นที่สูงที่สุด เพราะการจัดสรรหุ้นให้กับผู้จองซื้อรายย่อยใช้วิธี Small Lot First ซึ่งเป็นวิธีจัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนทุกคนที่ต้องการอย่างทั่วถึงที่สุด และทันทีที่หุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายวันแรกไม่ได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเลย โดยไอพีโอ 4 รายแรกที่เริ่มซื้อขายเมื่อเดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ 2564 ราคาเปิดซื้อขายปรับเพิ่มขึ้นเหนือราคาจองทุกราย 

หุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายในปี2564

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่าการเสนอขายหุ้นไอพีโอของทั้ง 4 บริษัท คือ บริษัท จักรไพศาล เอสเตท จำกัด (มหาชน) (JAK), บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR), บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) และ บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (KISS) มีมูลค่าระดมทุนรวม 47,945.93 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ณ ราคาไอพีโอ รวมอยู่ที่ 216,017 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นที่เปิดซื้อขายในวันแรก JAK เปิดที่ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 0.81 บาท หรือ 55.86% จากราคาไอพีโอที่ 1.45 บาท, OR เปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 8.50 บาท หรือ 47.22% จากราคาไอพีโอที่ 18.00 บาท, TQR เปิดที่ 15.30 บาท เพิ่มขึ้น 10.20 บาท หรือ 200% จากราคาไอพีโอที่ 5.10 บาท และ KISS เปิดที่ 15.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ 66.66% จากราคาไอพีโอที่ 9.00 บาท 

ขณะที่หุ้นมหาชนอย่าง OR ที่มีกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ราคาได้ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 วัน หลังจากการเข้าซื้อขายครั้งแรก จนเป็นที่จับตาว่าอาจจะถูกใช้เกณฑ์แคชบาลานซ์ หลังจากนั้นมีทั้งปรับลดลงและเพิ่มขึ้น โดยปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 36.50 บาท หรือ 102.77% เมื่อเทียบกับราคาไอพีโอ และตํ่าสุดอยู่ที่ 22.10 บาท ซึ่งถึงแม้จะได้เข้าคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 แบบ Fast Track มีผลตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา แต่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะได้รับการเพิ่มเข้ารวมในการคำนวณดัชนี FTSE แบบ Fast Entry เนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ผ่านเกณฑ์ อีกทั้งปัจจุบันนักลงทุนบางส่วน ยังเกิดปัญหาจองซื้อหุ้นแล้วหุ้นไม่เข้าบัญชีซื้อขายบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 

ด้านหุ้นที่ร้อนแรงอีกรายคือ TQR ที่เปิดซื้อขายด้วยราคาเสนอซื้อขายสูงสุด (ซิลลิ่ง) ที่ 200% ทั้งวันแรกที่เข้าซื้อขาย และวันที่สองชนซิลลิ่งอีก 29.41% ทำให้ตลท.ต้องประกาศเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวัง เพราะในช่วงสองวันนับแต่วันที่เริ่มเข้าซื้อขายราคาหุ้นปรับตัวสูงต่อเนื่อง ด้วยปริมาณการซื้อมาก และมีผลให้จำนวนหุ้นที่จะขายคงเหลือในตลาดมีน้อย ส่งผลต่อสภาพการซื้อขายมีความผันผวนมาก ทั้งนี้ ราคาหุ้น TQR เคยปรับขึ้นสูงสุด 24.80 บาท หรือ 386.27% จากราคาไอพีโอ 5.10 บาท 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพการลงทุนในหุ้นไอพีโอใหม่ดีขึ้น จากการเข้าระดมทุนของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ น่าสนใจ มีจุดเด่นเฉพาะตัว และราคาหุ้นไม่แพงมาก ขณะที่ บริษัทที่ขนาดไม่ใหญ่ แต่ด้วยสภาพคล่องที่มีสูง ทำให้หุ้นหมุนเวียนมีไม่มาก จึงส่งผลให้มีการผลักดันราคาให้ปรับขึ้นสูงได้ไม่ยาก ทั้งนี้ มองภาพรวมการลงทุนค่อนข้างคึกคัก จากสภาพคล่องในระบบที่มีระดับสูง รวมถึงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ช่วยหนุนให้กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม หุ้นไอพีโอใหม่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเข้าซื้อขาย มองหุ้นที่น่าสนใจ คือ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) เป็นธุรกิจที่ถือหุ้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) ที่ประกอบธุรกิจบริหารโครงการสัมปทานทางยกระดับ และ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (NTL) ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันแบบครบวงจร ขณะเดียวกัน การที่มีบล.เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จะช่วยให้มีการกระจายหุ้นทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ช่วยให้หุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,657 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม พ.ศ. 2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

PAP ควัก 118.8 ล้านบาท จ่ายปันผล หุ้นละ 0.18 บาท

ดาวโจนส์ปิดร่วง 469 จุด ในรอบสัปดาห์นี้ลดลง 1.8%

TCAPโชว์กำไรปี63 กว่า 6.6 พันลบ.เล็งจ่ายปันผลอีกหุ้นละ 1.80บาท 

หุ้นไทยปิดบวก 5.67 จุด

23 บจ.อสังหา หุ้นกู้ครบดีลปีนี้กว่า 9.5 หมื่นล้านบาท ทริสฯมองตลาดฟื้นตัวปี 65