สงครามการค้าไม่จบ แม้ไบเดนรับตำแหน่ง

22 ม.ค. 2564 | 13:34 น.

ตลาดหุ้นคึกคักรับไบเดนสาบานตน หวังมาตรการ "American Rescue Plan" วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านสงครามการค้าสหรัฐกับจีนยังคงอยู่ หลังยังส่งสัญญาณทั้งสองฝ่าย

หลังจากพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายโจ ไบเดน จากนี้ต้องติดตามนโยบายด้านเศรษฐกิจที่จะออกมา โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จะช่วยให้บรรยากาศของเศรษฐกิจโลกดีขึ้นตาม ส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับขึ้นคึกคักรับการเข้ารับตำแหน่งของไบเดน ส่วนตลาดหุ้นไทยวันที่ 21 มกราคม 2564 ปิดลดลง 2.21 จุด หรือ0.15% อยู่ที่ 1,513.51 จุด 

 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่าให้น้ำหนักเชิงบวกต่อกรณีที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) สหรัฐ ปี 2564 หลังประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ "American Rescue Plan" วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือภาคธุรกิจ แต่คาดว่าอาจมีการปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยลงทุนหุ้นกลุ่ม GREEN ENERGY ได้รับอานิสงส์จากนโยบายโครงการสีเขียว(Green Recovery)ของไบเดน ได้แก่ EA, GPSC, BCPG, BGRIM และ RATCH

ด้านบล.เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ภายหลังที่เข้ารับตำแหน่ง ไบเดนออกคำสั่งของฝ่ายบริหาร (Executive Order) หลายอย่าง อาทิ กลับเข้าเป็นสมาชิก Paris Agreement และยกเลิกการก่อสร้างกำแพงชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก โดยสิ่งที่ตลาดคาดหวังคือ 10 วัน จนถึง 100 วันแรกหลังเข้ารับตำแหน่งจะเห็นการผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9% ของจีดีพีสหรัฐ อย่างเช่นจ่ายเงินเยียวยาประชาชนอีก 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนสหรัฐ 100 ล้านคน  

 

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องให้น้ำหนักต่อคือ กระแสสงครามการค้าสหรัฐกับจีนยังคงอยู่ โดยนางเจเน็ต เยเลน รัฐมนตรีคลัง มีแนวคิดกดดันจีน และฝั่งจีนออกกฎหมายควบคุมการส่งออกแร่ Rare earth ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ผลิตแผงวงจร (Semiconductor) ที่ปัจจุบันจีนมีการผลิตถึง 90% ของความต้องการในตลาดโลก อีกทั้งมีความจำเป็นมากในการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐ ถือเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม คือ AMATA และ WHA ที่สำคัญ คือราคาสินค้า Soft Commodity ยังคงปรับลงแรงต่อราคากากถั่วเหลือง, ถั่ว ปรับลงต่อ 1.2% เป็น Sentiment ลบช่วงสั้นต่อ TVO แต่เป็น Sentiment บวกต่อCPF

 

“กระแสสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่ดูเหมือนจะยังคงมีอยู่ในระยาว หลังจากมีการส่งสัญญาณ 2 ฝั่ง คือฝั่งจีนที่ออกกฎหมายควบคุมการส่งออกแร่ Rare earth ส่วนฝั่งสหรัฐ ปัจจุบันยังคงข้อตกลงการค้าและการขึ้นภาษีนำเข้า Tariff 4 รอบที่เริ่มตั้งแต่ปี 2561 เชื่อว่าภาพในระยะกลาง-ยาว จะยังเป็นปัจจัยทำให้เห็นการย้ายฐานการผลิต เพื่อหลีกหนีสงครามการค้า ถือเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม และราคาสินค้าSoft Commodity ยังคงปรับลงแรงต่อ”