เงินประกันข้าวพุ่ง 4.6 หมื่นล้าน

09 ธ.ค. 2563 | 16:40 น.
684

ธ.ก.ส.รับราคาข้าวปีนี้ตกตํ่า หลังโดนโควิด-19 เล่นงานขนส่งไม่ได้ ส่งผลเงินชดเชย ประกันรายได้เพิ่มเท่าตัว ยันเกษตรกรได้เงินประกันรายได้ครบก่อนปีใหม่แน่

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่า ราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มลดลงในเดือนธันวาคมคือ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 7,959-8,024 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 3.03-3.97% ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 9,103-9,346 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 9.11-11.48% และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 9,839- 9,952 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน 2.03-3.14% 

 

ทั้งนี้เนื่องจาก ยังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ซึ่งปีนี้คาดว่า ผลผลิตจะสูงกว่าปีที่ผ่านมา และโรงสีบางแห่งประสบปัญหาขาดสภาพคล่องหรือขาดทุน ทำให้ชะลอหรือหยุดการรับซื้อข้าวจากชาวนา ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความสามารถในการแข่งขันราคาส่งออกข้าวไทยลดลง

 

นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวยอมรับว่า ราคาข้าว ปี 2563 ตกตํ่ามากกว่าปีที่ผ่านมาโดยสาเหตุ หลักมาจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้กระทบต่อการขนส่งเพื่อการส่งออก ส่งผลให้ส่วนต่างจากราคา ประกันรายได้ ที่่ต้องจ่ายให้กับเกษตรกรจะสูงขึ้น ซึ่งรัฐต้องชดเชยเงินเพิ่มให้กับเกษตรกร ทำให้ต้องเพิ่มวงเงินประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป็น 46,000 ล้านบาท จากที่เคยขออนุมัติไว้เดิม 28,000 ล้านบาท

 

เงินประกันข้าวพุ่ง 4.6 หมื่นล้าน

 

“ถ้าเทียบปีก่อน ราคาข้าวสูงกว่าปีนี้มาก หลักๆมาจากปัญหาโควิด-19 ทำให้เรามีปัญหาการขนส่งสินค้าที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศกระทบต่อออเดอร์ จึงทำให้รัฐต้องใช้เงินประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสูงกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว”นายกษาปณ์กล่าว

 

ทั้งนี้ข้าวเปลือกหอมมะลิปี 2562 มีราคาขายอยู่ที่ตันละ 18,000 บาท รัฐไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยเพิ่มให้เกษตรกร แต่ปีนี้ ราคาอ้างอิง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ราคาขายอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ตํ่ากว่าราคาประกันที่ตันละ 15,000 บาท รัฐต้องเพิ่มเงินชดเชยให้กับเกษตรกรที่เข้าโครงการตันละ 2,899 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาอ้างอิงปีนี้อยู่ที่ตันละ 11,951 ล้านบาท ตํ่ากว่าราคาประกันที่่ตันละ 14,000 บาท ทำให้ต้องชดเชยเงินให้กับเกษตรกรตันละ 2,048 บาท

 

ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้า ราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 9,122 บาท ตํ่ากว่าราคาประกันที่ตันละ 10,000 บาท จึงต้องชดเชยเพิ่มตันละ 877 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิปทุมธานี ราคาอ้างอิงตันละ 9,960 บาท ตํ่ากว่าราคาประกันที่ตันละ 11,000 บาท ต้องชดเชยเพิ่ม 1,039 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ราคาอ้างอิงอยู่ที่ตันละ 11,066 บาท ตํ่ากว่าราคารับประกันที่ตันละ 12,000บาท ต้องชดเชยเงินประกันเพิ่มตันละ 933 บาท

 

ทั้งนี่้ธ.ก.ส.ได้ทยอยจ่ายเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าโครงการ ประกันรายได้ ปีการผลิต 2563/64 ไปแล้ว 1.42 ล้านราย คิดเป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท จากจำนวนเกษตรกรที่เข้าโครงการทั้งหมด 4.56 ล้านครัวเรือน แบ่งเป็นจ่ายรอบแรกเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 จำนวน 800,000 ราย คิดเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท และรอบที่ 2 อีก 600,000 ราย วงเงิน 6,000 ล้านบาท และในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ จะจ่ายเพิ่มให้กับเกษตรกรที่ตกค้างงวดที่ 2-4 อีก 2.4 ล้านราย วงเงิน 20,400 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยจ่ายให้ครบ ซึ่งกำหนดการครบตามรอบการเก็บเกี่ยวทั้งหมดคือเดือนพฤษภาคม 2564

เงินประกันข้าวพุ่ง 4.6 หมื่นล้าน

ส่วนโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิต เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ล่าสุด ได้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรไปแล้วทั้งหมดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา จำนวน 4.56 ล้านราย รวมเป็นวงเงิน 28,000 ล้านบาท

ธ.ก.ส.ยังเตรียมพร้อมมาตรการสินเชื่อที่เป็นมาตรการคู่ขนาน เพื่อดูแลเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเพิ่มเติม ซึ่งจะเริ่มปล่อยสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคมนี้ ซึ่งจะมีทั้งโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกรได้ประมาณ 5 แสนรายแต่เบื้องต้นธ.ก.ส.จะมีเกษตรกรเข้าโครงการประมาณ 200,000 ราย รวมไปแล้วโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินอีก 15,000 ล้านบาท ซึ่งล่าสุด ณ วันที่ 4 ธันวาคม ได้ปล่อยสินเชื่อดังกล่าวไปแล้ว 900 ล้านบาท

 

“ธนาคารมีความพร้อมเต็มที่ที่จะจ่ายเงินให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยจะทยอยจ่ายให้ครบก่อนปีใหม่ให้ได้ทุกราย หรือหากไม่ครบจะให้ตกหล่นให้น้อยที่สุด เพื่อให้เกษตรกรมีเงินไว้ใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าโครงการประกันรายได้ไว้จะได้รับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐและสินเชื่อต่างๆ รวมเกือบ 100,000 ล้านบาท ซึ่งแต่ละรายจะได้รับไม่ตํ่ากว่า 55,000 บาท ด้วยกัน”
นายกษาปณ์กล่าว

 

ธ.ก.ส.ยังเตรียมเสนอคณะกรรมการธนาคาร(บอร์ด)เห็นชอบกรอบวงเงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มนํ้ามันปีการผลิต 2563/64 ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ หลังที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ(คนป.)เห็นชอบประกันรายได้ดังกล่าวในวงเงิน 5,600 ล้านบาท คาดว่าภายในมีนาคมนี้ จะทยอยจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ เช่นเดียวกับการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ที่ครม. อนุมัติไว้ 9,700 ล้านบาทก็จะทยอยจ่ายให้กับเกษตรกรต่อไป 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

งวด5 “ประกันรายได้ข้าว” ธ.ก.ส.โอน 14 ธ.ค.

ครม.ไฟเขียว นัด ธ.ก.ส.โอน ประกันรายได้ยาง 11 ธ.ค.

ยืนยัน เงินประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ธ.ก.ส.โอนงวดที่ 1 ภายใน 12 ธ.ค.นี้ แน่นอน

ธ.ก.ส.จัดหนักฉีดเงินประกันรายได้ข้าว สินเชื่อชะลอการขาย ให้ชาวนาก่อนปีใหม่

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,634 วันที่ 10 - 12 ธันวาคม พ.ศ. 2563