ซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจโลก ครึ่งหลังปี 63 ติดลบ 3.5%

21 ก.ค. 2563 | 18:42 น.

ซิตี้แบงก์ เผยแนวโน้ม "เศรษฐกิจโลกครึ่งหลังของปี 2563" จะหดตัวติดลบ 3.5% และจะฟื้นตัวกลับมาเป็นบวก 5.5% ในปี 2564 แนะกระจายความเสี่ยง ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เผยผลวิเคราะห์ เศรษฐกิจโลกครึ่งหลังปี 2563 คาด ติดลบ 3.5% ก่อนที่ตลาดโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว 5.5% ในปี 2564 ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ที่ 1.8% จากผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความไม่แน่นอนด้านภูมิศาสตร์การเมือง รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนตลอดปีที่ผ่านมา

 

นายบุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทยเปิดเผยว่า นักวิเคราะห์ซิตี้คาดการณ์ เศรษฐกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ติดลบ 3.5% ก่อนที่ตลาดโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว 5.5% ในปี 2564 ขณะที่ระดับอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.8% และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4% ในปี 2564 จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก

ซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจโลก ครึ่งหลังปี 63 ติดลบ 3.5%

ขณะที่เศรษฐกิจระดับภูมิภาคคาดว่า กลุ่มตลาดเกิดใหม่ชะลอตัวลงเล็กน้อย  ติดลบ 1.5% และคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวขึ้น 6.4% ในปี 2564 ในทางกลับกันตลาดพัฒนาแล้ว มีแนวโน้มเติบโตชะลอตัว  ติดลบ 5% ในปีนี้จากผลกระทบของโควิด-19 ตลอดจนความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ ส่งผลให้การลงทุนมีความความท้าทายสูง แม้ว่า ตลาดทุนทั่วโลกกลับตัวบวก 40.6% จากจุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม แต่ก็ยังติดลบ 4% เมื่อเทียบกับต้นปี (ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 - วันที่ 23 มิถุนายน 2563)

 

“การระบาดของโควิด-19 อาจทำให้ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยอย่างหนัก แต่ระบบเศรษฐกิจทั่วโลกจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากมาตรการคลายล็อคดาวน์ของหลายประเทศและการที่สามารถเริ่มควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ และโดยเฉพาะหากมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคได้สำเร็จ โดยจีดีพีของสหรัฐอเมริกาปีนี้คาดว่ าจะหดตัว 3.3% แต่เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง จากอัตราการว่างงานที่ลดลง”

 

ส่วนเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียในปีนี้ คาดว่าจะโต 0.5% โดยเฉพาะจีนที่อาจโตแตะ 2.4% เนื่องจากความต้องการภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ เห็นได้จากที่แม้จีนเป็นประเทศแรกที่เผชิญหน้ากับโควิด แต่ก็เริ่มเห็นการกลับมาทำกิจกรรมในประเทศที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยไตรมาส 1 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ด้านเศรษฐกิจอื่นๆ พบว่า ช่วงไตรมาส 2 ส่วนใหญ่ยังคงเห็นการถดถอยอยู่ก่อนที่จะมีการค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น

 

ด้านน้ำมันยังคงเป็นที่น่าจับตา โดยน้ำมันดิบยังมีอุปสงค์สวนทางกับอุปทานจึงคาดว่า จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 42 และ 38 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารร์เรลตามลำดับ ส่วนทองคำยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,600 -1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีแนวโน้มว่ามูลค่าเฉลี่ยจะขยับขึ้นในระดับประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปี 2564

 

ขณะที่ค่าเงินต้องจับตาเป็นพิเศษเพราะยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้คาดยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในระยะกลางถึงระยะยาวจากปัจจัยการขยายงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เพื่อตอบสนองสภาพคล่องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนกรอบความเคลื่อนไหวเงินบาทไทยคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 31.0 – 31.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

“นักวิเคราะห์ซิตี้ ยังคงมีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฎจักรที่คาดว่า จะมีการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมแนะนักลงทุนให้น้ำหนักในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ภูมิภาคเอเชียและกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สุขภาพ กลุ่มโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชั่น (Digitalization) รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สกุลเงินเยน ตลอดจนการลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมั่นคงปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ”

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทยกล่าวว่า ซิตี้แบงก์ได้วางกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าระดับบนและพัฒนาการให้บริการด้านการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร สำหรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวผ่านกลยุทธ์ต่างๆ

ซิตี้แบงก์ คาดเศรษฐกิจโลก ครึ่งหลังปี 63 ติดลบ 3.5%

ล่าสุดร่วมกับพาร์ทเนอร์ UBS และ JP Morgan นำเสนอกองทุนรวมชั้นนำของโลกเพื่อเพิ่มทางเลือกการกระจายความหลากหลายการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถกระจายการลงทุนได้ในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน UBS China A Opportunity fund, UBS China Opportunity fund, JP Morgan China Pioneer fund, JP Morgan US Technology fund

 

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อประสบการณ์การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในสถานการณ์ช่วงนี้ที่ลูกค้าอาจจะไม่สะดวกในการเดินทางมาที่สาขาได้เช่นเคย อาทิเช่น พัฒนาฟีเจอร์ Authorization corner หรือ เอกสารการทำธุรกรรมในซิตี้โมบายล์แอปและซิตี้แบงก์ออนไลน์ เพิ่มเติมจากได้เปิดตัวไปในปีที่แล้ว ที่ให้ลูกค้าสามารถยืนยันรายการซื้อขายกองทุนและตราสารหนี้ได้ง่าย ๆ สะดวก รวดเร็ว หลังจากที่ลูกค้าสนทนาแจ้งความต้องการการลงทุนกับผู้ดูแลบัญชีส่วนตัวและเลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ลูกค้าสามารถยืนยันการทำธุรกรรมการลงทุน โดยฟีเจอร์นี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

 

“ปีนี้เรายังได้ขยายบริการการยืนยันการธุรกรรมให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มเติมบริการในการเปิดบัญชีเงินฝากและการทำธุรกรรมการโอนเงินผ่าน Authorization corner อีกด้วย รวมถึงในอนาคตเราก็มีแผนจะขยายการใช้งานของฟีเจอร์นี้ไปถึงเอกสารประเภทอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น”