“อาร์เอส” โชว์ Q1 โกยกำไร 47 ล้านจากไลฟ์สตาร์

16 พ.ค. 2560 | 17:20 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ค. 2560 | 00:20 น.
อาร์เอส เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ทำรายได้ 752 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 70% กำไร  47 ล้านบาท ชี้ปัจจัยบวกจากยอดขายไลฟ์สตาร์พุ่ง เติบโตก้าวกระโดด

นายดามพ์ นานา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรไตรมาส 1 ปี 2560 เท่ากับ 47 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ 752 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2559 ถือว่าทำได้ดีแม้ว่าอุตสาหกรรมสื่อจะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่นก็ตาม ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก “ไลฟ์สตาร์” บริษัทในเครือสร้างรายได้เติบโตก้าวกระโดดและแข็งแกร่ง ขึ้นแท่นเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ล่าสุดกำลังสู่ช่วงปรับตัวทางธุรกิจครั้งสำคัญเข้าเป็นประเภทธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีก (Consumer Product and Retails) ที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยมีธุรกิจสื่อเป็นอีกแกนธุรกิจหลักของกลุ่มอาร์เอส และยังทำหน้าที่สนับสนุนการเติบโตธุรกิจสุขภาพและความงามอีกด้วย ซึ่งมั่นใจว่าเดินมาถูกทางสิ้นปีนี้จะมีรายได้ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ 3,500 ล้านบาท

ไตรมาสแรกบริษัทได้ปรับแผนดำเนินงานเชิงรุกเข้ากับเทรนด์สุขภาพและความงามที่กำลังมาแรง ทำให้ “ไลฟ์สตาร์” ทำรายได้ทะลุเป้าเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ นอกจากทยอยออกผลิตภัณฑ์ครอบคลุม ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว, กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้ว ยังใช้จุดแข็งเหนือคู่แข่งในตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ การผสานสื่อในเครือที่มีทั้งหมด ตลอดจนการใช้กลยุทธ์บุกตลาด และการรุกขยายช่องทางจัดจำหน่ายเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ยอดขายไตรมาสแรกไตรมาสเดียวสูงเท่ากับยอดขายทั้งปี 2559 ขณะที่ยอดขายต่อเดือนมีการเติบโตต่อเนื่องและยังทำนิวไฮทุบสถิติใหม่ทุกๆ เดือนอย่างมีเสถียรภาพ รวมไปถึงอัตรากำไรเติบโตสูง ล่าสุดบริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรรายใหม่ เพื่อนำสินค้ามาขายเพิ่มเติมผ่านช่องทาง Telesales ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้วาง “ไลฟ์สตาร์” เป็นอีกธุรกิจหลักที่จะทำรายได้และกำไรมากที่สุดให้กับบริษัทฯ ในอนาคต

ส่วนช่อง 8 ทำรายได้ไตรมาสแรกเติบโตชัดเจนกว่าไตรมาสเดียวกันปีก่อน ถือว่าเป็นไปตามแผนการเติมคอนเทนต์และการตอบรับจากลูกค้าพันธมิตร ที่ทำสัญญาการซื้อโฆษณาระยะยาวเข้ามาต่อเนื่อง อีกทั้งช่อง 8 ยังตอบรับมาตรการเยียวยาของรัฐบาลและ กสทช. ที่ให้มีการขยายระยะเวลาชำระค่าใบอนุญาตไปอีก 3 ปี ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีข้างหน้าไปได้ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท