KEY
POINTS
ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่า มีแผนศึกษาพัฒนาท่าเรือสำราญเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในหัวเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดชลบุรี หากโครงการเหล่านี้สำเร็จเป็นรูปธรรมจะช่วยยกระดับการขนส่งสินค้าทางน้ำ อีกทั้งยังช่วยสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ ตลอดจนดึงดูดนักท่อเที่ยวเข้าประเทศเพิ่มขึ้น
นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สำหรับความคืบหน้าพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างจ้างบริษัทที่ปรึกษาปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติมตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และหน่วยราชการต่างๆ
ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่โครงการต้องขอความเห็นชอบจากกรมป่าไม้และแนวเส้นทางเพื่อจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน คาดว่าจะจัดทำข้อมูลแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันตามแผนจะเสนอต่อ สคร.และกระทรวงคมนาคม รวมถึงเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในกลางปีนี้
หลังจากนั้นจะเปิดประมูลให้เอกชนร่วมทุน PPP ภายในต้นปี 2569 ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
นอกจากนี้ในระหว่างนี้จะดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและจัดทำรายงานรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EHIA) คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2570 ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี ซึ่งจะเปิดให้บริการภายในปี 2572
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี วงเงินลงทุน 6,415 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณ 6,009 ล้านบาท และงบประมาณจากการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) วงเงิน 406 ล้านบาท ซึ่งมีรูปแบบการลงทุน PPP Gross Cost สัญญาสัมปทาน 30 ปี
ทั้งนี้จากการศึกษาโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) อยู่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะสมุย บริเวณแหลมหินคม ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่รวม 47-38-6 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่มากที่สุด
อย่างไรก็ตามการก่อสร้างในรูปแบบอาคารผู้โดยสาร พื้นที่อย่างน้อย 7,200 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 1,200 คนต่อชั่วโมง
ส่วนท่าเรือสำราญจะสามารถรองรับเรือสำราญได้พร้อมกัน 2 ลำ ได้แก่ เรือสำราญขนาดใหญ่ 4,000 คน เรือสำราญขนาดกลาง 2,500 คน และรองรับเรือยอชต์สูงสุด 80 ลำ
ขณะที่เรือเฟอร์รี่สูงสุด 6 ลำ ซึ่งท่าเรือมีขนาดความยาวหน้าท่า 362 เมตร ความลึกร่องน้ำ 12 เมตร อาคารผู้โดยสารบรรจุ 3,600 คน
นายกริชเพชร กล่าวต่อว่า ด้านความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน บริเวณแหลมบาลีฮาย อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ปัจจุบันบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯอยู่ระหว่างและรวบรวมประเด็นต่างๆเพื่อปรับปรุงรายละเอียดให้รอบคอบ เช่น ปัญหาการจราจร,ปัญหาผลกระทบด้านสังคมและสภาพแวดล้อมของท่าเรือต่อการใช้พื้นที่ประมาณ 40 ไร่ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
อย่างไรก็ดีตามแผนหากปรับปรุงรายละเอียดแล้วเสร็จกรมฯจะเสนอต่อกระทรวงคมนาคมพิจารณาภายในเดือนเมษายนนี้
หลังจากนั้นจะเสนอต่อสคร.ภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 คาดว่าจะเสนอต่อครม.ภายในกลางปี 2569 และเปิดประมูลภายในปี 2570 โดยจะเริ่มก่อสร้างประมาณปี 2571 ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี และเปิดให้บริการภายในปี 2573
สำหรับโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน บริเวณแหลมบาลีฮาย อ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี วงเงินลงทุน 7,412 ล้านบาท แบ่งเป็น
1. ค่าลงทุน 5,934 ล้านบาท (ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนอกชายฝั่ง 4,315 ล้านบาท
ส่วนท่าเทียบเรือ อาคารผู้โดยสาร 2,881 ล้านบาท สะพานเชื่อมท่าเรือ 675 ล้านบาท ลานจอดรถ 567 ล้านบาท ท่าเรือโดยสาร และเรือเร็ว 192 ล้านบาท) ค่าอุปกรณ์ 400 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 608 ล้านบาท และถนนยกระดับ 1,611 ล้านบาท
2.ค่าดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) 1,478 ล้านบาท ด้านการก่อสร้างโครงการฯ เป็นท่าเรือมีลักษณะผสมผสาน (Hybrid) คือเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน และเป็นท่าเรือแวะพัก (Port of call)
สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500-4,000 คน นอกจากนี้ยังเป็นท่าเรือใหม่ห่างจากชายฝั่งลงไปในทะเลประมาณ 1 กม.เพื่อลดการเวนคืนที่ดินให้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ ที่ความลึกร่องน้ำประมาณ 12-14 เมตร สามารถรองรับเรือสำราญขนาดระวางบรรทุก 236,000 ตันกรอส ได้พร้อมกัน 2 ลำ ความยาวท่าเทียบเรือรวม 420 เมตร
อย่างไรก็ตามยังมีอาคารผู้โดยสาร รองรับได้ 3,500-4,000 คน/เที่ยว มีโถงพักคอย มีจุดตรวจความปลอดภัย จุดเช็กอินรับบัตรโดยสาร 60 ช่อง จุดตรวจคนเข้าเมือง 26 ช่อง จุดฝากสัมภาระ อาคารและลานจอด รองรับรถยนต์ได้ 132 คัน และรถบัส 82 คัน
เมกะโปรเจ็กต์ หน้า 8 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,078 วันที่ 13 - 15 มีนาคม พ.ศ. 2568