สถานการณ์ราคาทองคำ สินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งในประเทศ และในตลาดโลกยังคงพุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดสมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง ณ วันที่ 19 มีนาคม 2568 ณ เวลา 13.18 น.(รายงานครั้งที่ 7 ของวัน) ราคาทองคำแท่ง 96.5% ขายออกอยู่ที่บาทละ 48,350 บาท รับซื้อบาทละ 48,250 บาท และราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 49,150 บาท รับซื้อ 47,375 บาท ขณะราคาทองคำตลาดโลก ณ วันที่ 18 มีนาคม 2568 พุ่งเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (อยู่ที่ 3,021.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์)
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันอังคารที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางและความไม่แน่นอนด้านการค้าอันเนื่องมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 34.70 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 3,040.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจาก กองทัพอิสราเอลได้กลับมาใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีฉนวนกาซาอีกครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 ราย บาดเจ็บหลายร้อยราย และถือเป็นการยุติข้อตกลงหยุดยิงระยะเวลา 2 เดือนกับกลุ่มฮามาส
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเดินหน้าโจมตีกลุ่มฮูตีจนกว่าจะยอมยุติการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง และเตือนว่าอิหร่านจะต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีใด ๆ ในอนาคตที่เกิดจากกลุ่มฮูตี
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ในอัตรา 25% ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และเตรียมใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) ในวันที่ 2 เมษายนนี้
นักวิเคราะห์จาก ANZ คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งแตะระดับ 3,100 ดอลลาร์ภายในเวลา 3 เดือน ขณะที่ UBS ตั้งเป้าราคาทองที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในปีนี้
สอดคล้องกับการตรวจสอบข้อมูลของ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงสถิติการนำเข้า-ส่งออกทองคำของไทยในปี 2567 รวมถึงในเดือนมกราคม 2568 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร การนำเข้าทองคำของไทยในปี 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 543,776 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 96% และในเดือนมกราคม 2568 ล่าสุดมีการนำเข้ามูลค่า 32,361 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 26%
โดยแหล่งนำเข้าทองคำ 5 อันดับแรกของไทยในปี 2567 ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 190,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 63%, ฮ่องกง 185,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 213%, สิงคโปร์ 35,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) 29,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 330% และออสเตรเลีย 26,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 387%
ทั้งนี้ในปี 2567 ทางด้านปริมาณ ไทยมีการนำเข้าทองคำทั้งสิ้น 199,472 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีการนำเข้า 128,220 ตัน
ขณะเดือนมกราคม 2568 เดือนแรกของปีนี้ แหล่งนำเข้าทองคำ 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มูลค่า 17,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,170% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน , ฮ่องกง 6,970 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% , จีน 3,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 386% , สวิตเซอร์แลนด์ 1,810 ล้านบาท ลดลง 94% และญี่ปุ่น 515 ล้านบาท ลดลง 76%
ทั้งนี้ด้านปริมาณการนำเข้าทองคำของไทยในเดือนมกราคม 2568 มีปริมาณ 10,842 ตัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีการนำเข้า 18,996 ตัน
ด้านการส่งออกทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูปของไทยในปี 2567 มีมูลค่า 304,128 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 47% โดยตลาดส่งออก 5 อันดับแรก ได้แก่ กัมพูชา มูลค่า 105,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 744% , สวิตเซอร์แลนด์ 105,687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% , สิงคโปร์ 60,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% , ฮ่องกง 15,929 ล้านบาท ลดลง 26% และสปป.ลาว 6,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 153% โดยในปี 2567 ไทยมีการส่งออกทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป 114,057 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีการส่งออก 97,077 ตัน
ขณะเดือนมกราคม 2568 ไทยมีการส่งออกทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป มูลค่ารวม 39,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดส่งออก 5 อันแรก ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ มูลค่า 20,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,628% , สิงคโปร์ 10,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,537% , กัมพูชา 5,182 ล้านบาท ลดลง 45% , ฮ่องกง 1,869 ล้านบาท ลดลง 65%และ สปป.ลาว 435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% โดยเดือนมกราคมไทยมีการส่งออกทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป 13,684 ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออก 7,456 ตัน