นายกฯ สั่งด่วนสอบผู้รับเหมา เหตุคานทางด่วนถล่ม ผิดจริงโทษหนัก

17 มี.ค. 2568 | 12:36 น.
อัปเดตล่าสุด :17 มี.ค. 2568 | 12:46 น.

นายกฯ หารือด่วนล้อมคอกเหตุคานทางด่วนถล่ม ย่านถนนพระราม 2 สั่งสอบข้อเท็จจริงผู้รับเหมา หากพบผิดจริง เจอลงโทษสูงสุด เล็งรื้อสัญญาก่อสร้างใหม่ จ้างวิศวกรรมสถานคุมงาน

วันนี้ (17 มีนาคม 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนเพื่อหารือร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบที่เกื่ยวข้องเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างถนนและเส้นทางคมนาคม ภายหลังเกิดเหตุคานสะพานก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 3 ทรุดตัวลง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต หลายราย โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 1 ชม.ครึ่ง

 

นายกฯ สั่งด่วนสอบผู้รับเหมา เหตุคานทางด่วนถล่ม ผิดจริงโทษหนัก

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า นายกรัฐมนตรี ได้ให้กระทรวงคมนาคมรายงานถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด หากพบว่าเกิดจากความผิดของบริษัทผู้รับเหมา หรือผู้ควบคุมงาน ก็ขอให้ใช้บทลงโทษสูงสุด ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109 หมวด 12 ว่าด้วยการทิ้งงานต่อไป

ส่วนการออกมาตรการสมุกพกผู้รับเหมา เพื่อตัดคะแนนผู้รับเหมาที่รับงานแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น จากการหารือกรมบัญชีกลางได้แจ้งว่า ปัจจุบันการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง สามารถนำมาใช้ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอออกมาตรการสมุกพกผู้รับเหมา

แต่ในการประชุมกังวลว่า หากนำข้อบังคับของกรมบัญชีกลางมาใช้ อาจมีความเสี่ยงให้ถูกฟ้องร้องต่อมาภายหลังได้ ที่ประชุมจึงได้ขอให้ไปตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อน หากผู้รับเหมาเกิดการบกพร่องจริง ก็จำเป็นต้องใช้มาตรการลงโทษสูงสุด

 

นายกฯ สั่งด่วนสอบผู้รับเหมา เหตุคานทางด่วนถล่ม ผิดจริงโทษหนัก

 

"เหตุเพิ่งเกิดเมื่อสองวันก่อน ทางการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เจ้าของโครงการจะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 1 เดือน ส่วนเรื่องแบล็กลิสต์นั้น ก็ได้สั่งการให้ตรวจสอบก่อนถ้าพบว่าผิดจริงก็ให้ขึ้นแบล็กลิสต์ต่อไป" นายสุริยะ กล่าว

ส่วนการก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ขณะนี้ยังคงก่อสร้างต่อเนื่อง แต่ประชาชนหลายคนอาจกังวลเรื่องความปลอดภัย ล่าสุดได้เสนอให้มีการจัดจ้างทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบทุกโครงการก่อสร้างให้แต่ละโครงการมีความปลอดภัยสูงสุด 

นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ยังเตรียมพิจารณาการทำสัญญาก่อสร้างกับเอกชนผู้รับงานกับรัฐ ซึ่งเดิมบางโครงการก่อสร้างมีการแบ่งสัญญาจำนวนมาก จึงกำชับไปว่าต่อไปจะต้องแบ่งสัญญาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น 

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม

 

ด้านน.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญของการหารือ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุการณ์คานเหล็กถนนพระราม 2 ทรุดตัวทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าโครงการดังกล่าวไม่ได้ลงนามสัญญาในรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นปัญหาและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงคมนาคมกำหนดบทลงโทษให้ชัดเจน 

ทั้งนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นต้องการให้รับผิดชอบทางแพ่งด้วย ในส่วนของปรึกษาโครงการและผู้รับผิดชอบในวิชาชีพ จะต้องดูว่ามีการละเลยในขั้นตอนต่าง ๆ หรือไม่ และการควบคุมการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐาน และตามข้อกำหนด ตามกฎเกณฑ์หรือไม่

ทั้งนี้ จะต้องรับผิดชอบทางอาญาด้วย ซึ่งจะต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน รวมถึงต้องยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือไม่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง พร้อมกับตั้งโจทย์ว่าหากเกิดปัญหาขึ้นอีก จะมีผู้รับผิดชอบในด้านใดบ้าง 

“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คือสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดการเสียชีวิต ชีวิตของคนมันไม่ควรจะเกิดแบบนี้ เพราะฉะนั้นต้องชัดเจน ในเรื่องของความรับผิดชอบต่าง ๆ ขอให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” นายกรัฐมนตรี ย้ำ

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะต้องดูในรายละเอียดของการสอบสวนด้วยว่าเกิดขึ้นอย่างไร โดยมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI สอบสวนหาข้อเท็จจริงให้ชัดเจนมากขึ้น หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในอนาคต ไม่ต้องการให้ปล่อยผ่าน แล้วเกิดความรับผิดชอบเป็นครั้ง ๆ ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงจังกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำ ๆ อีก

พร้อมกับกำชับเรื่องการแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัด และเรื่องของความปลอดภัยของผู้สัญจร จะต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก