“วราวุธ” เปิดสิ่งของยอดฮิตโรงรับจำนำรัฐ เพื่อสังคม ปี 2567

16 มี.ค. 2568 | 15:13 น.
อัปเดตล่าสุด :16 มี.ค. 2568 | 15:14 น.

เช็คเลย ปี 2567 โรงรับจำนำเพื่อสังคม “วราวุธ” รัฐมนตรี เปิดสิ่งของยอดฮิตที่มีคนมารับจำนำสูงสุด ปี 67 มีอะไรบ้าง

ปัจจุบัน สถานธนานุเคราะห์ (สธค.) โรงรับจำนำเพื่อสังคม สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวง พม.เปิดให้บริการแล้ว 47 สาขา 14 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ระยอง ลำพูน สุราษฎร์ธานี อุดรธานี พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี ลพบุรี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ดังนี้ 1) วงเงินต้น 0 – 5,000 บาท คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 0.25 ต่อเดือน 2) วงเงินต้น 5,001 – 10,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ต่อเดือน 3) วงเงินต้น 10,001- 20,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อเดือน และ 4) วงเงินต้น 20,001-100,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน

“วราวุธ” เปิดสิ่งของยอดฮิตโรงรับจำนำรัฐ เพื่อสังคม ปี 2567

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผย จากการรับจำนำในปีงบประมาณ 2567 พบว่า มีประชาชนนำทรัพย์สินหรือสิ่งของมีค่ามาจำนำกับทาง สธค. จำนวน 1,335,012 รายตั๋ว โดยกลุ่มทรัพย์ที่ประชาชนนำมาจำนำมากที่สุด คิดเป็น 97.56% คือ ทอง นาก เพชร จำนวน 1,264,439 รายตั๋ว

ส่วนพวกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิ โทรศัพท์มือถือ พัดลม ตู้เย็น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ กะทะไฟฟ้า และเครื่องดูดฝุ่น และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มีประชาชนนำมาจำนำ จำนวน 3,190 รายตั๋ว

นอกจากนี้ยังมี กลุ่มทรัพย์ที่เป็นอุปกรณ์เครื่องมือช่างและอุปกรณ์การเกษตร ซึ่งเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพ ทำมาหากิน มีประชาชนนำมาจำนำ อาทิ หินเจีย สว่านไฟฟ้า กบไฟฟ้า เครื่องตัดเหล็ก ตู้เชื่อม เครื่องสูบน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องพ่นยา และเครื่องปั่นไฟฟ้า จำนวน 3,064 รายตั๋ว

“วราวุธ” เปิดสิ่งของยอดฮิตโรงรับจำนำรัฐ เพื่อสังคม ปี 2567

อนึ่ง จากการรายงาน ในปี 2567 มีคนใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ภาวะหนี้สินในครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมของประชาชนระดับฐานรากที่นิยมการบริโภคสินค้าตามแฟชั่นจะส่งผลให้ประชาชนบางกลุ่มโดยเฉพาะระดับฐานรากในชุมชนเมืองยังมีความต้องการใช้เงินฉุกเฉิน จึงเป็นโอกาสของ สธค.ที่จะให้บริการการจำนำทรัพย์สินมากขึ้น

 

อย่างไรก็ดีควรมีการให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) แก่ลูกค้าและประชาชนระดับฐานรากด้วย เพื่อเป็นการสร้างวินัยการออมที่ดี รวมทั้งการจำหน่ายทรัพย์ หลุดจำนำในราคาถูกกว่า ท้องตลาดเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น ทองคำ ได้ด้วยการย้อนมาออมกับ สธค.รายได้ดอกเบี้ยและกำไรจำหน่ายทรัพย์หลุดจากอัตราการว่างงานสูงขึ้น ก็ส่งผลให้การใช้เงินของประชาชนสูงขึ้นเนื่องจากรายได้จากการทำงานลดน้อยลงทำให้ต้องไปหาเงินทุนหมุนเวียนอื่นในการดำรงชีพ