วันนี้ (16 มีนาคม 2568) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ปัญหาเร่งด่วนของคนไทย ณ วันนี้” จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,264 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 11 – 14 มีนาคม 2568 โดยส่วนหนึ่งได้ยอมรับว่า มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท ในลักษณะของเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้กลุ่มวัยรุ่น นั้น กลุ่มตัวอย่าง 34.18% เห็นว่าพอจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง แต่เป็นเพียงผลในระยะสั้น ๆ ไม่ได้ส่งผลในระยะยาว
ขณะที่กลุ่มตัวอย่าง 28.80% มองว่าช่วยได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากวัยรุ่นอาจใช้จ่ายเงิน เฉพาะในกลุ่มสินค้าหรือบริการที่จำกัด รองลงมา 23.65% เห็นว่าไม่ช่วยเลย และไม่ได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง และยังเพิ่มภาระงบประมาณของรัฐ และมีเพียงแค่ 13.36% เท่านั้นที่เห็นว่า ช่วยได้มาก เพราะการใช้จ่ายของวัยรุ่นก็ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม
สำหรับภาพรวมเกี่ยวกับความกังวล “ค่าครองชีพ ราคาสินค้า หนี้สิน สิน และรายได้” ผลสำรวจ พบว่า กลุ่มตัวอย่างกังวลเรื่องค่าครองชีพและราคาสินค้ามากที่สุด โดย 72.55% เห็นว่าเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข รองลงมาคือปัญหารายได้และหนี้สิน 69.09%
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นมั่นว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้ได้สำเร็จหรือไม่ กลุ่มตัวอย่าง 68.80% มองว่าปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าไม่น่าจะแก้ไขได้สำเร็จ ขณะที่ 31.20% คิดว่ามีโอกาสสำเร็จ ส่วนปัญหารายได้และหนี้สิน 74.33% เชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าจะแก้ปัญหานี้ได้
กลุ่มตัวอย่างมองว่าปัญหาในช่วงรัฐบาลแพทองธารไม่ได้แตกต่างจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ โดย 43.75% เห็นว่าปัญหายังคงมีอยู่เช่นเดิมและยังไม่เห็นการแก้ไขที่ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันและปัญหาทางการเมือง ขณะที่ 29.19% รู้สึกว่าหลายปัญหากลับแย่ลง ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำ วันมากขึ้น เช่น ค่าครองชีพและหนี้สิน
ส่วนของมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มตัวอย่าง 34.18% เห็นว่าพอจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้บ้าง แต่เป็นเพียงผลในระยะสั้น ๆ ขณะที่ 28.80% มองว่าช่วยได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากวัยรุ่นอาจใช้จ่ายเฉพาะในกลุ่มสินค้าหรือบริการที่จำกัด
ผลโพลสะท้อนว่าประชาชนยังไม่เชื่อมั่นมั่น ในแนวทางการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เนื่องจากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และในบางแง่มุมสถานการณ์กลับย่ำแย่ลง แม้มีมาตรการแจกเงินหมื่นก็ไม่ได้ช่วยในด้านเศรษฐกิจมากนัก
น.ส.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนชัดว่า ปัญหาปากท้องยังคงเป็นความกังวลหลักของประชาชน แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลแต่หลายปัญหายังคงเดิมโดยยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ทั้งปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ปัญหาการเมือง หรือค่าครองชีพที่พุ่งไม่หยุด ด้านมาตรการแจกเงินหมื่นก็ยังถกเถียงกันถึงเรื่องประสิทธิภาพ เมื่อรวมทุกปัจจัยเข้าด้วยกันประชาชนจึงรู้สึกว่า รัฐบาลก็ใหม่แต่ทำไมยังไม่แตกต่าง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริมา บุญมาเลิศ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ประชาชนคาดหวังให้รัฐบาลแก้ไขให้ดีขึ้น แต่เสียงของประชาชนกลับสะท้อนออกมาว่า รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องให้ดีขึ้นได้
แม้ว่ารัฐบาลได้ผลักดันนโยบายแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้วก็ตาม แต่ประชาชนยังมองว่า การแก้ปัญหายังไม่ตรงจุด เพราะตัวเลขจีดีพีที่รัฐบาลแถลงออกมาว่าขยับตัวดีขึ้นและจะโตมากขึ้นไปอีก สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่หดตัวและซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประชาชนมองว่านโยบายแจกเงิน 10,000 บาท ช่วยแก้ปัญหาปากท้องได้เพียงเล็กน้อยระยะสั้น แต่ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่สำคัญเร่งด่วน อาทิ ค่าครองชีพ ราคาสินค้า และหนี้สิน ได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตามเมื่อนำผลงานของรัฐบาลปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดที่แล้ว จึงทำให้ประชาชนมองว่ายังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่า ซ้ำร้ายปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันยังมีมากกว่ารัฐบาลชุดก่อนที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศมากขึ้นไปอีก