ลดดอกเบี้ยดันดัชนีเชื่อมั่นอุตฯขยายตัว รับกังวลสงครามการค้า

12 มี.ค. 2568 | 16:18 น.
อัปเดตล่าสุด :12 มี.ค. 2568 | 16:18 น.

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. 68 เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา รับอนิสงส์ กนง. ลดดอกเบี้ย ชี้เอกชนกังวลสงครามการค้ารอบใหม่

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.พ.2568 ว่า อยู่ที่ระดับ 93.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 91.6 ซึ่งเป็นผลจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี ช่วยลดต้นทุนทางการเงินและเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ 

อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ประกอบกับมีการขยายระยะเวลามาตรการคุณสู้เราช่วยไปถึงวันที่ 30 เม.ย.2568 ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดเข้าร่วมมาตรการอยู่ที่ 746,912 บัญชีวันที่ 10 ก.พ.2568 รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 (ช่วงวันที่ 16 ม.ค.-28 ก.พ.2568) และโครงการ 10,000 บาท เฟส 2 ช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าของผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ภาคการท่องเที่ยวมีการเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม วันที่ 1 ม.ค.-26 ก.พ.2568 มากกว่า 6 ล้านคน ขยายตัวจากปีก่อน 10.29% รวมถึงการค้าชายแดนขยายตัวได้ดี โดยในเดือนม.ค.2568 มีมูลค่าการค้าชายแดนรวมกว่า 1.45 แสนล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน 2.7%

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบจากการส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจากจีนเข้ามาแข่งขันในประเทศคู่ค้ามากขึ้น และรถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ ทำให้ยอดการส่งออกรถยนต์เดือนม.ค.2568 ลดลง 24.63% ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน กระทบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ ชิ้นส่วนและไหล่ยานยนต์ เหล็ก อลูมิเนียม อีกทั้งสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในภาคอุตสาหกรรมลดลง กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและต้นทุนการผลิต เช่น ปาล์มน้ำมันและยางพารา เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังยืดเยื้อ ยังคงส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกผันผวนและกระทบกับต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ รวมถึงมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ส่งผลให้สินค้าจีนทะลักเข้าสู่ไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กดดันผู้ประกอบการไทยให้เผชิญกับการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้น

ด้านดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.6 เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนอยู่ที่ระดับ 96.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่คาดว่าจะมาจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท เฟส 3 คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2 รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ผ่านโครงการ Thailand Summer Festivals เช่น กิจกรรม Maha Songkran World Water Festival 2025 และงานเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ คาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบยังคงห่วงกังวลในเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่ จากการที่สหรัฐประกาศขึ้นราคาสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในสินค้าเหล็ก และอลูมิเนียมที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้า 25% ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.2568 และแนวโน้มสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อและยังไม่มีข้อสรุปที่นำไปสู่สันติภาพ อาจกลายเป็นปัจจัยเร่งให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง และขยายวงกว้างสู่ระดับโลก

 

นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า ส.อ.ท.มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐให้เร่งกำหนดยุทธศาสตร์และแผนเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการทางการค้าของสหรัฐ รวมทั้งการเจรจาต่อรองการค้าในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน โดยมีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมีการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมเป็นทีมเจรจาต่อรองการค้ากับสหรัฐฯ

ขอให้รัฐบาลออกมาตรการช่วยค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ผ่านกลไกของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อส่งเสริมการผลิตยานยนต์ในประเทศ รักษาการจ้างงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเครื่องมือในการทำมาหากิน

ขอให้ภาครัฐส่งเสริมและพัฒนาระบบการยกขนถ่ายตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ในโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operation : SRTO) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งออกสินค้า