เช็กสิทธิ์ ตรวจสอบสถานะ รับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท 17 จังหวัดล่าสุด
เช็กสิทธิ์รับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท อัปเดตล่าสุด! ครม.อนุมัติงบช่วยเหลือ 17 จังหวัด รวม 405,969 ครัวเรือน พร้อมวิธีตรวจสอบสถานะและเงื่อนไขการรับเงิน สำหรับผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝนปี 2567
ข่าวดีสำหรับผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 ล่าสุดที่ประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสงขลา มีมติอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมกว่า 3,653 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยครอบคลุม 17 จังหวัดทั่วประเทศ ในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท รวมจำนวนทั้งสิ้น 405,969 ครัวเรือน
รายชื่อ 17 จังหวัดที่ได้รับการช่วยเหลือน้ำท่วมล่าสุด
การจ่ายเงินเยียวยาครั้งนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มตามช่วงเวลาที่เกิดอุทกภัย ดังนี้
กลุ่มที่ 1: เกิดสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม - 2 พฤศจิกายน 2567 มี 4 จังหวัด ได้แก่
- ชัยนาท
- สิงห์บุรี
- บุรีรัมย์
- สมุทรสาคร
กลุ่มที่ 2: เกิดสถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2567 มี 13 จังหวัด ได้แก่
- กระบี่
- ชุมพร
- นครศรีธรรมราช
- นราธิวาส
- ปัตตานี
- ประจวบคีรีขันธ์
- ตรัง
- พัทลุง
- ยะลา
- ระนอง
- สงขลา
- สตูล
- สุราษฎร์ธานี
เงื่อนไขการรับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาท
ผู้มีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
1. ต้องเป็นครัวเรือนที่ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือ จากกรณีอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 มาก่อน
2. ที่อยู่อาศัยประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 และมีผลกระทบในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
- ที่อยู่อาศัยประจำในพื้นที่น้ำท่วม ดินถล่ม น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
- ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังเกินกว่า 7 วัน
วิธีเช็กสถานะเงินช่วยเหลือน้ำท่วม
- ผู้ที่ต้องการตรวจสอบสถานะการรับเงินช่วยเหลือสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ [https://flood67.disaster.go.th/HELP/CheckStatusHelpRequest/Desktop] คลิกที่นี่ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ขั้นตอนการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน โดยเบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุนทั่วไป และสามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้
ล่าสุด ทางการได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลครัวเรือนที่ขอรับเงินช่วยเหลือในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง
ผู้ประสบภัยควรติดตามข่าวสารและตรวจสอบสถานะการรับเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือตามสิทธิ์ที่พึงมี หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานราชการในพื้นที่หรือสายด่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย