นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นการประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพี (GDP) ไทยของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปี 68 ซึ่งจะเติบโตที่ 2.8% ว่า ช่วงที่ผ่านมาหลายปีประเทศไทยมีการเติบโตของ GDP ที่ต่ำ แค่ 1 - 2 % และ ไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก หลังโควิดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลมีนโยบายในการผลักดัน GDP โดยมีแนวทางที่ประกอบด้วย
ลดภาระหนี้ และค่าครองชีพ ของประชาชน และ เอกชน ด้วยนโยบายดอกเบี้ยที่เหมาะสม และ การเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs รวมถึงส่งเสริมการบริโภค สินค้า หรือ บริการ ที่ MiT (Made in Thailand ) เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ แทนการมุ่งซื้อสินค้าหรือบริการที่ถูก จากการนำเข้า
เน้นการลงทุนใน อุตสาหกรรม หรือบริการที่เป็นจุดแข็งของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปตามหลัก BCG และมุ่งส่งออกแทน การส่งสินค้าเกษตรขั้นต้นซึ่งมีมูลค่าต่ำกว่า รวมถึงส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากจุดแข็งของไทย เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อทดแทน ส่วนที่หายไปจากยานยนต์สันดาป โดยผลักดัน Part Transform เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เครื่องมือแพทย์ ,เครื่องจักรกลเกษตร ,Aerospace ,อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ,ขนส่งทางราง และ Robotic เป็นต้น
เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ อุตสาหกรรมต้นน้ำเช่น เกษตร รองรับ อุตสาหกรรม BCG
อย่างไรก็ดี นอกจากการหาตลาดใหม่ รวมถึงการเจรจา FTA ยังควรส่งเสริมการส่งออก ด้วยมาตรการค่าเงินบาทที่อ่อน อีกทั้งยังต้องลดอุปสรรค เช่น ขั้นตอน และค่าใช้จ่ายในการส่งออก
นอกจากนี้ ควรลดการนำเข้าโดยการผลิตของในประเทศ แทนการนำเข้าเช่น ส่งเสริมเขื้อเพลิงจากภาคเกษตร เช่น เอทานอล E20 และไบโอดีเซล แทน การนำเข้า Crude oil